ย้อนกลับไปในช่วงที่เขายังโลดแล่นอยู่ในเส้นทางสีกากี เรียกได้ว่า ไม่มีคำว่าธรรมดา โฉ่งฉ่าง ตรงไปตรงมา แหกทุกคนที่กระทำผิดโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม

    พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หรือ “ตู่” จบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 8 (ตท.8) โรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 24 (นรต.24) ชีวิตราชการที่ผ่านมา เขาผ่านงานที่มีแรงปะทะเสียดทานสูงมาโดยตลอด เพราะฉะนั้น เส้นทางชีวิตหลังสำเร็จการศึกษาของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงไม่เคยมีคำว่า ธรรมดา

    ขาเริ่มรับราชการตำรวจครั้งแรกในตำแหน่งประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล ต่อมาขออาสาไปประจำ “พื้นที่สีแดง” จ.นครพนม จากผู้บังคับหมวด ต่อมาได้เลื่อนเป็นสารวัตรใหญ่ สภ.อ.นาแก จ.นครพนม ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ โดยมีบุคลิกผมสั้นเกรียน ติดดิน เดินเข้าหาชาวบ้าน จนได้รับฉายา “วีรบุรุษนาแก”

    ขณะที่งานของนายตำรวจผู้นี้ไม่ได้ปกครองเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.นาแก เพียงอย่างเดียว แต่ต้องปกครองหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจตระเวนชายแดน ตำรวจพลร่ม ตำรวจรถหุ้มเกราะ รวมทั้งสิ้นมีกำลังพลใต้บังคังบัญชาประมาณ 600 นาย และในฐานะที่เป็นรองผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์อำเภอนาแก ต้องดูแลอาสาสมัครอีก 700 คน รวมแล้วกว่า 1,000 คน และกำลังพลทุกคนล้วนถืออาวุธกันหมด! หากไม่แน่จริงคงนำกำลังพลลำบาก!

    ครั้งหนึ่งในชีวิตของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สมัยเป็นผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร เคยบุกจับกุมภรรยาข้าราชการฝ่ายปกครองระดับสูงที่ล่องเรือเล่นการพนันในลำน้ำโขง วีรกรรมนี้ทำให้เขามีชื่อเสียงโด่งดัง กลายเป็นตำรวจคุณภาพที่กล้าหาญชนกับผู้มีอิทธิพล

    ช่วงปี 2533 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกองปราบปรามและผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภูธรภาค 2 เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินทิ้งขยะเขาไม้แก้ว กระทั่งศาลพิพากษาจำคุก นายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลแสนสุข ผู้ทรงอิทธิพลแห่งภาคตะวันออก

    พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เคยเล่าว่า “สมัยเป็นสารวัตรมีคดีรับผิดชอบที่ฝังใจ คือ คดีตัวแทนประกันชีวิตที่แสบมาก แอบไปทำประกันชีวิต แอบจ่ายเบี้ยประกันให้คนที่ไม่รู้เรื่อง พอถึงเวลาก็ส่งคนไปฆ่า ตัวเองก็ไปรับเงิน ก็นึกไม่ถึงว่าคนเราจะเลวขนาดนี้ ตัวแทนประกันรายนี้ฆ่าเหยื่อตายไป 3 คน”

    อีกทั้งยังสร้างผลงานโด่งดังต่อเนื่องจากการจับลูกทีมนักการเมืองดัง พร้อมเงินสด 11 ล้านบาท ที่เย็บติดกับแผ่นพับหาเสียงการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2537 แผ่นละ 120 บาท อันกลายเป็นตำนาน “ยี่ห้อยร้อยยี่สิบ” ของนักการเมืองคนหนึ่งในเวลาต่อมา

    แม้ผลงานทำนองนี้ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะเพียบ! ทั้งจับบ่อนปอประตูน้ำ, คดีบ่อนลอยฟ้าปิ่นเกล้าที่มีตำรวจอยู่เบื้องหลัง, คดีทุจริตลำไย, ทุจริตทางด่วนบูรพาวิถี ฯลฯ

    แต่นั่นก็เป็นดาบสองคม เพราะเขามักได้รับผลกระทบจากการเมืองบ่อยครั้ง โดยถูกโยกย้ายหลายครา เช่น ไปนั่งตบยุงอยู่ตามกองวิทยาการตำรวจ หรือประจำกรมตำรวจ เป็นต้น

    อย่างไรก็ดี คนมุ่งมั่นตั้งใจ มักมีผลคนเห็นค่า เขาก็ยังได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งสำคัญอีกครา เช่น ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ปี 2541), จเรตำรวจแห่งชาติคนแรก (ปี 2547) ระหว่างนั้นก็มีเป๋ไปป้าง เพราะถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) ในปี 2549 ก่อนจะกลับมารักษาการในตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)

    ณ เวลานั้น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตัดสินใจยกตำแหน่งรักษาการ ผบ.ตร.ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หวังดึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มาควานหามือระเบิด คดีวางเพลิง และปัญหาภาคใต้ หรืออาจจะด้วยเหตุผลทางการเมืองก็ตามที แต่ก็ถือว่า เสรีพิศุทธ์ คัมแบ็ก! 

    ต่อมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้รับการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 แถมยังมีชื่อเข้าไปเป็นสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) อีกด้วย 

“ผมคิดว่าผมทำได้ ผมไม่เคยอยู่นิ่ง ไม่เคยอยู่เฉย ไม่มีวันเสาร์อาทิตย์ทั้งนั้น” คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ดูแข็งขันดุดัน ในวันที่เป็น ผบ.ตร.

    ต้นปี 2551 พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง นายกฯ สมัคร สุนทรเวช ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากราชการ ก่อนเกษียณอายุราชการมิหนำซ้ำยังให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาจ่อเป็น ผบ.ตร. ณ เวลานั้น เรียกได้ว่า ฝันของคนชื่อเสรีพิศุทธ์ได้ปิดสนิทลงแล้ว

    แต่โชคชะตาไม่เคยเข้าใครออกใคร วันของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังมี…เพราะต่อมา รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ามากู้หน้าให้ด้วยการยกเลิกคำสั่งให้ออกจากราชการของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จากนั้นไม่นาน เขาก็ประกาศตัวที่จะลงเล่นการเมืองอย่างไม่กั๊กอีกด้วย

    ตลอดเส้นทางที่ก้าวเดินในแวดวงสีกากีของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผู้ชายคนนี้มีภาพฉายของความเป็นนายตำรวจที่ตรงไปตรงมา ไม่เกรงกลัวอิทธิพล ฟ้องร้องแม้แต่ผู้บังคับบัญชา เหตุเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้ง

     กระทั่งชื่อของเขาพูดถึงอีกครั้งในปี 2557 เพราะมีข่าวเล็กๆ ว่า “พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์” ประกาศตั้ง “พรรคเสรีรวมไทย” เพื่อให้เป็นพรรคที่ดี มีนักการเมืองเป็นแบบอย่างที่ดี ทำประโยชน์ให้เกิดแก่แผ่นดิน จนมาวันนี้ “พรรคเสรีรวมไทย” เป็นพรรคที่แย่งชิงพื้นที่สื่อได้พอสมควร เพราะในช่วงที่ผ่านมา พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ออกมาให้ความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ทหารและ คสช. อย่างเผ็ดร้อน จนได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดีย.

ข้อมูลและภาพจาก Thairath.co.th