"เจ้าตูบกีกี้" หายจากบ้าน เห็นโปสเตอร์ประกาศตามหาตัวเอง เลยนอนเฝ้าที่เสา เพื่อรอแม่มารับ

คอมเมนต์:

เห็นคลิปแล้วรู้เลยว่าเจ้าของรักมันมากขนาดไหน ดีใจด้วยนะเจ้าตูบ

    เชื่อว่าเป็นเรื่องราวที่ทำให้คนรักสัตว์แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หลังชาวเน็ตจากเมียนมร ได้แชร์คลิปเหตุการณ์ตอนที่ “เจ้ากีกี้” เจ้าตูบตัวหนึ่งได้กลับคืนสู่อ้อมอกเจ้าของอีกครั้ง หลังหายตัวไปหลายวัน

    เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เว็บไซต์ต่างประเทศ ได้เผยว่า... เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองย่างกุ้งของเมียนมา หลังจากเจ้าตูบตัวนี้ได้หายตัวไป เจ้าของเองก็ได้พยายามออกตามหา และนำโปสเตอร์มาแปะไว้ทั่วเมือง เพื่อประกาศว่าสุนัขหาย เพื่อหวังว่าจะมีใครสักคนช่วยแจ้งเบาะแสจองมันมา

 

Sponsored Ad

 

    จนเวลาผ่านไป 3 วัน ก็มีหญิงรายหนึ่งได้เดินทางมาหาบ้านแถวนั้น แต่ก็ไปสะดุดตากับโปสเตอร์ประกาศน้องหมาหายเข้า แต่เธอก็ต้องตกใจเพราะมีน้องหมาตัวหนึ่งที่หน้าตาเหมือนกับในรูปเป๊ะกำลังนอนอยู่ตรงนั้น เธอเดาว่า มันคงเห็นรูปตัวเองที่เสา และอาจจะได้กลิ่นเจ้าของที่เคยผ่านมา เลยนอนรอที่เสาต้นนั้น เพื่อเฝ้ารอวันที่ได้กลับบ้าน... จากนั้น เธอได้โทรไปหาเจ้าของ 

 

Sponsored Ad

 

    เจ้าตูบเองที่นอนอยู่ตรงนั้นเหมือนจะกลัวอะไรสักอย่าง มันพยายามหนีไปซ่อนที่รั้วอาคารหลังหนึ่ง ไม่ไกลจากจุดนั้นสักเท่าไหร่ หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีแม่ลูกชายคู่หนึ่งมาถึง เหมือนจะเป็นเจ้าของของมัน ทั้งสองคนพยายามส่งเสียงเรียกเจ้ากีกี้เพื่อให้มันออกมาหา

    เรียกไปได้สักพัก เหมือนน้องหมาจะได้ยินเสียงที่คุ้นหู มันก็รีบพุ่งตัวออกมาจากที่ซ่อนตัว และกระโจนตัวขึ้นไปกอดเจ้าของของมันด้วยความดีใจ เมื่อน้องหมาสุดที่รักหายไป.. เจ้าของมันก็อดกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ร้องไห้โฮทั้งแม่ทั้งลูกชาย และได้บอกว่า ตั้งแต่เจ้าตูบหายออกจากบ้านไป เธอกินอะไรไม่ลง แต่วันนี้เธอมีความสุขมากที่เห็นมันยังมีชีวิตอยู่ 

 

Sponsored Ad

 

    คุณแม่เจ้าของหมา ได้บอกว่า.. เจ้ากีกี้หายตัวไป เพราะวันนั้นตกใจกลัวดอกไม้ไฟ และวิ่งเตลิดหนีไปกลางคืน โดยที่เจ้าของมันตามหาตัวมันไม่เจอ เธอได้บอกอีกว่า วันนี้กำลังจะไปหาหมอดูให้ช่วยบอกใบ้จุดที่เจ้ากีกี้อยู่ 

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนคนที่พบเห็นเจ้ากีกี้ ได้บอกว่า ตัวเธอเองก็เป็นคนรักน้องหมา พอได้เห็นเหตุการณ์นี้เธอมีความสุขมากที่เห็นเจ้าของน้องหมากลับสู่อ้อมอกเจ้าของอีกครั้ง ระหว่างเล่าเรื่องเธอเองก็ปาดน้ำตาไปด้วย

จากโพสต์ต้นฉบับ

ที่มา : Myat Mon Mon Maung

บทความที่คุณอาจสนใจ