นางฟ้าของหมาจรจัด! รู้จัก "หมอมายด์ ปิยากร" แพทย์หญิงผู้ทุ่มเทเวลาเพื่อสุนัขไร้บ้าน!

คอมเมนต์:

นางฟ้าของหมาจรจัด! รู้จัก "หมอมายด์ ปิยากร" แพทย์หญิงผู้ทุ่มเทเวลาเพื่อสุนัขไร้บ้าน!

        “มายด์ว่าทุกคนมันต้องมีอะ ความรู้สึกที่ว่า ‘เราทำได้มากกว่านี้’ มายด์เลยอยากลองทำสิ่งอื่นๆ ที่คิดว่าเราก็ทำได้ จะได้ไม่ต้องมานั่งสงสัยกับตัวเองว่าทำได้จริงๆ หรือเปล่า เราแค่อาจจะยังไม่ได้ลองทำมันมากกว่า” นี่คือคำพูด ที่ มายด์ – ปิยากร อวยพร กล่าว 

        อาชีพของมายด์คือแพทย์ใช้ทุนประจำโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และความชื่นชอบในการทำอาหารก็พาให้เธอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรายการ Masterchef Thailand อ่านมาถึงตรงนี้เราอาจจะรู้สึกว่าเธอทำอะไรตั้งเยอะแยะแล้วด้วยเวลาที่มีเท่ากับคนอื่นๆ แต่สำหรับมายด์ เธอยังมีหมวกอีกใบที่สวมเอาไว้และเป็นบทบาทเล็กๆ บทบาทหนึ่งที่เกิดจากแพชชั่นและความตั้งใจมากๆ ของหญิงสาวคนนี้ วันนี้จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับอีกตัวตนหนึ่งของเธอในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสุนัขและแมวจรจัด

 

Sponsored Ad

 

        ความชอบหมาแมวคือตัวจุดประกาย

        “ทุนเดิมคือเราเป็นคนที่ชอบหมาชอบแมวอยู่แล้ว เคยคิดเล่น ๆ ว่าถ้าเรียนจบอยากทำอะไรสักอย่างที่ช่วยน้อง ๆ ได้ พอย้ายมาที่นี่ก็เจอกับหมาประจำถิ่นอยู่ฝูงนึงใกล้ ๆ หอพักแพทย์ เราเดินผ่านมันทุกวันแล้วก็สังเกตเห็นว่าแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์ที่น่ารักเป็นของตัวเอง ก็เลยเริ่มจากเอาอาหารไปให้มันทุกวันและแอบถ่ายรูปในอิริยาบถแปลก ๆ ของเขา ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันไวรัลนะ เราก็แค่โพสต์เล่น ๆ บนเฟซบุคแล้วก็เขียนแคปชั่น เพื่อน ๆ ก็เข้ามาดูกัน บางคนก็บอกว่าเข้าเฟซบุคมาวันนี้จะต้องเห็นหน้าหมาสักตัวแน่ ๆ และทุกคนก็เชียร์ให้เปิดเพจ”

 

Sponsored Ad

 


คอลเลคชั่นน้องหมาบนเฟซบุ๊คของหมอมายด์

พี่เสือชุ่มแห่งศรีนครินทร์

        “แต่ตอนที่เริ่มลงมือทำอะไรจริง ๆ คือจำได้ว่าเป็นวันอาสาฬหบูชา มายด์มาอยู่ที่ขอนแก่นได้ประมาณ 2 เดือน เราก็อยากทำบุญแต่ส่วนตัวเราเป็นคนที่ชอบบริจาคทานมากกว่าการเข้าวัด ก็เลยเสิร์ชหาศูนย์รับเลี้ยงสัตว์ในขอนแก่น มายด์ก็ไปเจอกับที่ ๆ นึงที่เก็บหมามาเลี้ยง 500-600 ตัว คนที่อยู่ขอนแก่นจะรู้จักแกดี ชื่อป้าเดือน มายด์ก็ไปหาแกเลยซึ่งสิ่งที่เราเห็นก็คือรูปกับความเป็นจริงมันแย่ต่างกันมาก ตอนที่เราไปหา เงินบริจาคที่แกได้รับมาก็หมดแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรใหญ่โตเลย แค่เอาข้าวเป็นกระสอบไปให้ 

 

Sponsored Ad

 

        สงสารป้าแกตรงที่ว่าหลาย ๆ คนชอบบอกว่าแกเป็นบ้า อยู่สบาย ๆ ก็ดีอยู่แล้ว อะไรประมาณนี้ แล้วแกก็เล่าฟังว่า โดนไล่ที่ บางคนก็มาแกล้ง มาวางยาเบื่อหมา ถึงแม้ว่าที่ ๆ เขาอยู่มันก็ไม่ได้ใกล้ชุมชน เราฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไรที่ช่วยเขาได้ ตั้งแต่นั้นก็อินสไปร์ว่าจะทำจริงจัง แค่คิดว่าป้าแกเป็นคนที่มาช่วยแก้ปัญหาที่คนก่อเอาไว้ โดยที่ตัวแกเองมีใจจริง ๆ เพราะถ้าไม่มีใจก็อยู่ไม่ได้ แล้วก็คิดว่าอย่างน้อยเราเองน่าจะมี potential ในการช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อย เลยเริ่มทำเพจ”

 

Sponsored Ad

 

To Name Is To Remember: เราตั้งชื่อเพราะเราเห็นค่าของมัน

        “เวลาเราโพสต์รูปหมาจรจัดแต่ละตัวก็จะตั้งชื่อให้กับพวกมัน ที่มาของชื่อเพจ To Name Is To Remember ก็คือการให้ค่ากับอะไรสักอย่างด้วยการตั้งชื่อ อย่างตุ๊กตาที่เราเล่นตอนเด็ก ๆ เราก็มีชื่อให้มันเพราะเราให้ความสำคัญกับมันเนอะ การที่เราตั้งชื่อหมาข้างถนนตัวนึงก็เหมือนกัน มันก็คือการให้ตัวตนกับเขา มันก็ไม่ใช่แค่ “ไอ้ดำ ไอ้ด่าง” ทั่ว ๆ ไป แต่การมีชื่อบอกได้ว่าอย่างน้อยการมีอยู่ของเขามีจริง เขาจะไม่ใช่แค่หมาจรจัดที่ไม่มีใครต้องการ”

 

Sponsored Ad

 

        ระดมทุนครั้งแรกในวันรับปริญญา

        “ตอนเริ่มแรกเราก็ไปคุยกับป้าเดือนซึ่งเป็นช่วงที่เงินบริจาคแกหมดพอดีและเป็นช่วงที่เราใกล้รับปริญญาพอดี เราเลยบอกกับทุกคนว่าใครที่จะมาหา ไม่ต้องเอาของขวัญมานะ แต่ถ้าอยากให้จริง ๆ ขอเป็นเงินบริจาคแทน แล้วมายด์ก็มีทำคลิปสั้น ๆ ตัดเอง ไปนั่งดูใน YouTube เอาว่าทำยังไง (หัวเราะ) เป็นวิดีโอของน้องหมาแก๊งที่เราลงบ่อย ๆ ตอนหลัง ๆ ก็มีรุ่นน้องที่อยู่ขอนแก่นมาช่วยวาดรูปเพื่อเอาไปขาย เริ่มขายประมาณ 4 เดือน เราก็ได้เอาเงินไปช่วยป้าเดือน แล้วก็เอาไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลสัตว์ด้วย”

 

Sponsored Ad

 

        ยิ่งอยู่กับปัญหาก็ยิ่งทำให้รู้สึกแย่

        “เรารู้สึกมาโดยตลอดตั้งแต่อยู่กรุงเทพแล้วเกี่ยวกับปัญหาเรื่องหมาแมวจรจัด เสียใจทุกครั้งที่ไปเดินตลาดนัดหรือไปจตุจักรแล้วเห็นร้านขายหมา รู้สึกแย่ทุกครั้งที่รับรู้เรื่องฟาร์มหมา ว่าทำไมถึงยังมีธุรกิจนี้อยู่ หมาที่โดนเพาะพันธุ์ในฟาร์ม จะมีส่วนหนึ่งที่ถูกกำจัดเพราะได้ออกมาไม่ตรงสเปค บางคนอาจจะไม่รู้ว่าเบื้องหลังของฟาร์มมันเป็นยังไง แต่เรารู้เพราะเราเคยเห็นหมาที่ถูกทิ้งจริง ๆ มันทำให้เราเกิดคำถามว่าทำไมประเทศเราถึงไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้สักที และมันก็ไม่ใช่ความผิดของพวกมันด้วย

Sponsored Ad

        เรามีภาพไฟนอลที่มองว่าถ้าไม่มีป้าเดือนอยู่ เราก็อยากทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ ขอนแก่นกำลังจะเป็นเมืองที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าปัญหาแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ เราไม่อยากให้มันเป็นเหมือนกรุงเทพที่ยังมีหมาเดินอยู่ทุกที่”

        ปลายทางคืออยากทำ shelter ให้กับน้อง ๆ

        “เรามีความคิดอยากช่วยแก้ปัญหานี้ในระยะยาว ขนาดที่ว่าเข้าไปคุยกับทั้งที่คณะสัตวแพทย์ ม.ขอนแก่นและที่มหิดลเลยว่าจะสามารถสร้าง shelter (ศูนย์พักพิงสัตว์) ได้ไหม ก็ได้ความรู้มาว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ มันมีเรื่องของกฎหมาย ต้องขอประชามติจากคนในพื้นที่รอบ ๆ ข้างเพราะ shelter คือแหล่งผลิตสิ่งปฏิกูลเยอะ และสร้างมลพิษทางเสียง

        จากตอนแรกที่คิดว่ามันยากแต่ไม่น่าจะเกินความสามารถของเรา กลายเป็นรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลามาก ๆ ไอเดียที่พอทำได้ก็คงจะเป็น Street Dog Café เหมือนกับคาเฟ่หมาแต่หมาในคาเฟ่ เป็นหมาที่ไม่มีเจ้าของ อยากให้คนกล้าเข้ามาเล่น ทำให้มันรู้สึกว่าสนุกและน่าเข้า พอคนเข้าไปใช้เวลากับเขาก็จะรู้สึกว่าหมาจรจัดก็น่ารักนะ”

        การแก้ปัญหาหมาจรจัดต้องแก้ในภาพใหญ่

        “วิธีที่ช่วยแก้ปัญหาได้คือการหยุดธุรกิจฟาร์มหมา แต่ในความจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ามันคืออาชีพของคนส่วนหนึ่ง สิ่งที่ทำได้คืออาจจะมีการควบคุมเรื่องการเพาะพันธุ์สุนัขหรือการขายสุนัขมากกว่านี้ การบังคับใช้กฎหมายเรื่องการมีใบอนุญาตสำหรับการเลี้ยงสัตว์ซึ่งมันเคยมีแต่ก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ (หัวเราะ) หรือการรณรงค์ให้รับเลี้ยงสัตว์มากกว่าการไปซื้อ เราก็จะติดแฮชแท็กไว้เสมอเลยว่า #AdoptDontShop มันก็น่าจะช่วยให้อะไรหลาย ๆ อย่างดีขึ้นได้”

        อะไรเล็กน้อยที่ช่วยได้จะรีบช่วย 

        “เราไม่ได้มีไทม์ไลน์แบบเป๊ะ ๆ ให้กับตัวเองเพราะงานหลักของมายด์ในตอนนี้คือการเป็นแพทย์ แต่จะดูว่าอะไรที่เป็นเคส emergency ด่วนจริง ๆ ก็จะทำมันก่อน อย่างตอนที่ป้าเดือนขาดอาหาร เราก็ช่วยซัพพอร์ตตรงนั้นให้ ความฝันของเราอย่างที่บอกคือการมีคาเฟ่ การเอาหมามาทำ dog therapy ในโรงพยาบาล ให้เราได้ช่วยหมาและหมาก็ช่วยเรา แต่สิ่งที่อยากได้ตอนนี้มาก ๆ คืออยากได้ทีม ถ้ามีคนที่คิดคล้าย ๆ กันมา join กัน เราจะได้มีโปรเจคท์ใหม่ ๆ ขึ้นมา เพราะการรับบริจาคมันไม่ได้ยั่งยืน ถ้ามีคนที่เห็นเหมือนกันมาช่วยกัน มันอาจจะโตเป็นอย่างอื่นได้

        ชีวิตเรามีหลาย ๆ สิ่งที่อยากทำ และเราก็มองว่าแต่ละอย่างมันเกื้อหนุนกันไปหมด และช่วยต่อยอดกันและกัน เราไม่เคยมองว่าตัวเองเก่ง แต่แค่คิดว่าถ้าเรามัวแต่นั่งคิดเฉย ๆ ว่าตัวเองจะทำได้ไหม มันก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองทำได้หรือเปล่า ก็ลองทำดูและระหว่างที่ทำไป เราก็จะหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่ามันใช่หรือไม่ใช่ และถึงมายด์จะมีหมวกหลาย ๆ ใบ แต่ส่วนนี้ก็เป็นสิ่งที่เราอยากเก็บมันเอาไว้และทำมันต่อไปค่ะ”

        สำหรับใครที่อยากซัพพอร์ตหมอมายด์และ To Name Is To Remember ไม่ว่าจะด้วยเงินบริจาคหรือไอเดียและแรงกายแรงใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ To Name Is To Remember และมายด์ก็ฝากประชาสัมพันธ์มาด้วยว่าตอนนี้เธอกำลังมีแคมเปญพิเศษร่วมกับร้าน Style Me ในเชียงใหม่ ที่ร่วมสมทบทุนรายได้ส่วนหนึ่งให้กับกองทุนสงเคราะห์สัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมเช็กได้ที่ https://lin.ee/aWzyh2J


ข้อมูลและภาพจาก today.line

บทความที่คุณอาจสนใจ