เมื่อคุณกำลังเหน็ดเหนื่อยกับการช่วยเหลือคนอื่น เมื่อคุณกำลังรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ ทั้งๆ ที่ทำดีแล้วแต่อีกฝ่ายกลับไม่เห็นค่า ลองอ่านเรื่องสั้นสอนใจนักบวชกับแมงป่องดู แล้วจะเข้าใจสัจธรรมในการใช้ชีวิตมากขึ้น...

        เรื่องมีอยู่ว่า… นักบวชนั่งสมาธิอยู่ริมฝั่ง ในท่ามกลางความเงียบ ได้ยินเสียงสั่นไหวเบาๆ ในน้ำ ลืมตาดูก็พบว่าเป็นแมงป่องตัวหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายอยู่บนบริเวณผิวน้ำใกล้ฝั่ง

        เขาเอื้อมมือออกไปจับเอาแมงป่องขึ้นมาจากน้ำโดยไม่ทันคิดระวัง จึงโดนแมงป่องต่อยที่มือ เขาวางมันลงบนพื้น นั่งสมาธิต่อ

        ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกันอีก ลืมตาดูก็พบว่าแมงป่องตัวเดิมหล่นไปอยู่ในน้ำ เขายื่นมือออกไปช่วยเหมือนเดิม และก็ยังโดยต่อยเหมือนเดิม

        ไม่กี่อึดใจผ่านไป เหตุการณ์แบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกไม่ผิดเพี้ยนตั้งแต่ต้นจนจบ

        ชาวบ้านที่นั่งตกปลาอยู่แถวนั้นจึงพูดขึ้น “ท่านจะโง่ไปหน่อยไหม ไม่รู้หรือว่าแมงป่องชอบต่อยคน”

        นักบวชตอบว่า “ทราบครับ โดนต่อยไปแล้วสามครั้ง”

        ชาวบ้านถามต่อ “แล้วยังจะช่วยมันอีกทำไม”

        นักบวชตอบว่า “การทำร้ายคนอื่นอาจเป็นนิสัยของแมงป่อง แต่ความเป็นคนมีเมตตาจิตเป็นนิสัยของข้า นิสัยข้าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพียงเพราะนิสัยดุร้ายของแมงป่อง”

        และในเวลาเดียวกันนั้นเอง เสียงแบบเดิมก็เกิดขึ้นอีกกับแมงป่องตัวเดิมเป็นครั้งที่สี่

        นักบวชมองดูมือที่บวมเป่งของตน แต่ก็ยังจะยื่นมือไปช่วยแมงป่องเหมือนเดิมโดยไม่ลังเล

        ชาวบ้านรีบยื่นกิ่งไม้แห้งมาใส่มือเขา นักบวชจึงใช้กิ่งไม้นั้นช่วยแมงป่องขึ้นมาได้อีกครั้ง

        ชาวบ้านหัวเราะ และ พูดขึ้นว่า “ความเมตตาเป็นเรื่องดีงาม แต่ถ้าจะเมตตาต่อแมงป่อง ก็ต้องรู้จักเมตตาต่อตัวเองเหมือนกัน และการจะหยิบยื่นความเมตตาให้คนอื่น ก็ต้องรู้จักมีวิธีการที่เหมาะสม ควรจะต้องรู้จักปกป้องตนเองก่อน ก่อนที่จะยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่น”

        สี่ประโยคในเรื่องทีชวนให้คิดตาม

        “ความเมตตาเป็นเรื่องดีงาม แต่ถ้าจะเมตตาต่อแมงป่อง ก็ต้องรู้จักเมตตาต่อตัวเองเหมือนกัน”

        “นิสัยความมีเมตตาจิตของเราจะไม่เปลี่ยนไป เพียงเพราะนิสัยดุร้ายของคนอื่น”

        “การจะหยิบยื่นความเมตตาให้คนอื่น ก็ต้องรู้จักมีวิธีการที่เหมาะสม”

        “ควรจะรู้จักปกป้องตัวเอง ก่อนที่จะยื่นมือช่วยคนอื่น”

        ทำให้รู้สึกเหมือนถูกตอกย้ำว่า “ทุกวันนี้ คนดีอยู่ยาก”

        ในสังคมที่ดี คนดีจะวางตัวง่าย เขาจะถูกยกย่อง ถูกปกป้อง เพราะผู้คนส่วนใหญ่เป็นคนดีด้วยกัน แต่ในสังคมที่ย่ำแย่ คนดีจะวางตัวลำบาก เขาพร้อมจะถูกเอาเปรียบ เพราะผู้คนส่วนใหญ่เป็นคนเห็นแก่ตัว คนดีในสายตาคนเหล่านี้จึงเป็นเหมือนคนโง่ พร้อมจะโดนเอาเปรียบ

        ก็ลองถามตัวเราเอง ทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมแบบไหน เราจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสังคมแบบไหน เราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากนิทานเรื่องนักบวชกับแมงป่อง

        เราควรรู้จักที่จะปกป้องตัวเอง ก่อนที่จะยื่นมือช่วยคนอื่นถูกไหม

        ความมีเมตตาเป็นเรื่องดีงาม แต่ถ้าจะเมตตาต่อคนที่ไม่ดี ก็ต้องรู้จักเมตตาต่อตัวเองก่อน

ข้อมูลและภาพจาก bitcoretech