"โคคา-โคลา" น้ำดำอมตะที่ทำให้ชีวิตชายผู้ต้นคิดค้นสั้นลง แถมยังตกอับไม่มีเงินอีกต่างหาก

คอมเมนต์:

เป็นประวัติชีวิตที่น่าสงสารจริงๆ

   โคคา-โคลา (โค้ก) ชื่อนี้เป็นชื่อที่คุ้นเคยกันทั่วโลก และเช่นกัน มันก็เป็นที่ค้นหูมากสำหรับคนไทยเรา เพราะมันเป็นเครื่องดื่มที่มีมานานมากแล้วตั้งปี 1886 มีกันเป็นเครื่องดื่มสุดฮิตที่หลายคนติดใจกันมาก แล้วคุณทราบไหมว่ามันมีที่มาจากการทำยา งงกันแล้วใช่ไหม เลื่อนลงมาอ่านบทความกันเลยดีกว่า

    เมื่อศตวรรษที่ 19 เป็นยุคที่มีการจดสิทธิบัตรยาเป็นจำนวนมาก และยาบางชนิดก็สร้างชื่อเสียงและฐานะให้กับเจ้าของสิทธิบัตรมากมาย จอห์น สติท แพมเบอร์ตัน (John Stith Pamberton) นักเภสัชศาสตร์ชาวเมืองแอตแลนตา ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้น ทว่านอกจากยาแล้ว สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างชื่อให้เขาคือเครื่องดื่มน้ำดำที่เรียกว่า โคคา-โคลา (โค้ก) นั่นเอง

 

Sponsored Ad

 

    แพมเบอร์ตันเป็นนักเภสัชศาสตร์ ที่ไม่ได้สนใจเฉพาะเรื่องยาเท่านั้น เขาก่อตั้ง บริษัท เจ.เอส. แพมเบอร์ตัน คอมพานี ขึ้น และคิดค้นสินค้ามากมายไม่ว่าจะเป็นยาย้อมผม เครื่องสําอาง และน้ำหอม ทว่าในช่วงอายุ 50 ปี แพมเบอร์ตันเริ่มให้ความสนใจกับ ต้นโคคา พืชพื้นเมืองของเปรูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ชาวพื้นเมืองเอาใบโคคามาเคี้ยวกินสดๆ หรือไม่ก็สกัดเป็นเครื่องดื่ม เพราะมีฤทธิ์เป็นยากระตุ้น อุดมด้วยสารอาหาร และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

 

Sponsored Ad

 

    ว่าแล้วเขาก็ทดลองปรับปรุงสูตรน้ำโคลาด้วยการใส่เมล็ดโคลาที่มีคุณสมบัติทางยาและช่วยกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ โดยเริ่มผสมในกาทองเหลือง และกระทะสําหรับผสมสูตรเครื่องดื่ม ซึ่งมีเต็มหลังสวนหลังบ้านของเขา กองระเกะระกะไปทั่วสูงเกือบเท่าบ้าน 2 ชั้นไปแล้ว

    จนในที่สุดแพมเบอร์ต้นก็เปิดตัวเครื่องดื่มที่ตั้งชื่อว่า “ไวน์โคลาฝรั่งเศสของแพมเบอร์ตัน” ในปี ค.ศ. 1885 โดยโฆษณาว่า “เป็นยาบํารุงที่ช่วยสร้างเสริมปัญญา” จากนั้นเมื่อเขานําเมล็ดโคลาใส่เพิ่มเข้าไปอีก ก็เรียกว่า “ยาบำรุงประสาท” ที่มีสรรพคุณในการเลิกมอร์ฟีน ซึ่งยังไม่มีแพทย์คนใดคิดค้นวิธีรักษาให้หายขาดได้ สินค้าตัวใหม่นี้ทําเงินให้แพมเบอร์ตันต่อวันมากกว่าที่เขาเคยหาได้ทั้งปีเลยทีเดียว

 

Sponsored Ad

 

    ยิ่งประสบความสําเร็จ แพมเบอร์ตันยิ่งหมกมุ่นกับเครื่องดื่มสีน้ำตาลข้นนี้ ทําให้สุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน นอกจากนี้ การทดลองชิมสูตรผสมน้ำหวานหลายชนิด ทําให้เขาไม่สามารถเลิกติดมอร์ฟีนได้ แพมเบอร์ตันส่งตัวอย่างสูตรน้ำหวานที่คิดขึ้นใหม่ไปให้เจ้าของร้านเครื่องดื่มคนหนึ่งผสมโซดาให้ลูกค้าชิม และนั่นเป็นที่มาของโคคา-โคลาที่เรารู้จักในปัจจุบัน

 

Sponsored Ad

 

    โดยโคคา-โคลา เปิดให้บริการครั้งแรกในวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1886 ในราคาแก้วละ 5 เซ็นต์ (ประมาณ 16 บาท) ณ เวลานั้นถือว่าแพงมาก และแพมเบอร์ตันได้เลือกจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโคคา-โคลาแทนการจดสิทธิบัตร เพราะจะได้ไม่ต้องเปิดเผยสูตรจนคู่แข่งสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ทําให้สูตรน้ำอัดลมโคคา-โคลายังเป็นความลับจนถึงทุกวันนี้

    ด้วยความที่คิดว่าคงไม่รอดชีวิตจากอาการเจ็บป่วย ประกอบกับการขัดสนเงินทองเนื่องจากติดยา แพมเบอร์ตันจึงตัดสินใจขายหุ้นบริษัทให้ “อะซา กริก แคนด์เลอร์” (Asa Griggs Candler) ในปี ค.ศ. 1888 ด้วยราคาเพียง 2,300 เหรียญ (ราวๆ 71,400 บาท) ไม่กี่ปีหลังจากนั้น โรงงานโคคา-โคลา ก็ผุดขึ้นทั่วอเมริกา ทําให้ แคนด์เลอร์กลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศในปี ค.ศ. 1900

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนแพมเบอร์ตันเสียชีวิตในปีเดียวกับที่ขายหุ้น ทิ้งเงินเพียงเล็กน้อยไว้ให้ทายาท งานศพของเขาในแอตแลนตามีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาแสดงความเคารพ…

    คิดแล้วก็น่าเสียดาย ทุ่มเททั้งชีวิตจนเสียสุขภาพ มันคุ้มค่าไหมเนี่ย?

ที่มา : capupun

บทความที่คุณอาจสนใจ