โดนหาว่าบ้าก็ยอม! เขาลงทุนควักเงิน 5 ล้าน เพื่อช่วยชีวิตคนอื่น ทั้งที่ไม่ได้อะไรเลย
คอมเมนต์:
“การบริจาคเลือด” ก็เหมือนการช่วยชีวิตคน เมื่อเร็วๆนี้ที่ไต้หวัน มีรายงานใกล้ถึงตรุษจีนแล้วแต่คลังเลือดยังไม่เพียงพอ เพื่อป้องกันการขาดแคลนเลือดฉันหวังว่าทุกคนสามารถพับแขนเสื้อและช่วยเหลือคนที่ต้องการ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีไถหนาน ภาคใต้ของไต้หวัน มีเจ้าของร้านขายยาร้านหนึ่ง เขาได้จัดกิจกรรมการบริจาคเลือดมาแล้ว เป็นเวลา 23 ปี กิจกรรมนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเขาและทำให้เขาตระหนักถึงความสุขในการช่วยเหลือผู้อื่น
Sponsored Ad
เจ้าของร้านขายคนนี้มีชื่อว่า ซู่ เฟิง เจิง ปัจจุบันเขาอายุ 75 ปี ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นเอเย่นขายยา ก่อนจะผันตัวมาเป็นตัวแทนจำหน่ายยา กระทั่งเมื่อปี 1978 เขาก็ได้ลงทุนเปิดกิจการร้านขายยาด้วยตนเอง เขาและภรรยาเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น ทั้งสองมีใจกระตือรือร้นมาก
เมื่อ 23 ปีก่อนแม่ของเจ้าของร้านจากไปด้วยโรคร้าย และในช่วงที่พาแม่รักษาตัวเขาพาแม่ไปโรงพยาบาลเห็นสีหน้าผู้คนมากมาย ที่ต้องเสียใจเพราะการจากไปของญาติพี่น้อง คนรู้จักเป็นภาพที่ทำให้เขารู้สึกสลดหดหู่มาก และทำให้เขายิ่งเข้าใจว่า ถึงแม้จะมี “ยา” แต่ถ้าไม่มี “เลือด” เพียงพอก็ทำให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อไปไหวอยู่ดี
Sponsored Ad
และหลังจากที่แม่ของเขาจากไป เขาจึงตัดสินใจที่จะนำเงินค่าทำศพของแม่ครึ่งหนึ่งมาทำกิจกรรมบริจาคเลือด เพื่อหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือคนให้มากขึ้น
ผ่านกิจกรรมที่เขาจัดขึ้น ทำให้มีคนมาบริจาคเลือดมากขึ้น และยิ่งกว่านั้นเขานำเงินมาซื้อขวัญ จัดกิจกรรมบริจาคเลือดตลอด 23 ปี เพื่อดึงดูดผู้คนให้มาบริจาคเลือด ในทุกๆปีเขาจะจัดในช่วงเดือนตุลาคม ไม่เคยขาดเลยสักปี ทำให้ผู้คนที่ได้รู้เรื่องของเขาต่างพากันชื่นชม
Sponsored Ad
เขาไม่เคยให้สัมภาษณ์หรือออกสื่อเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้เลย และไม่เคยไปขอทุนจากรัฐบาลเลยสักบาท เพื่อให้ผู้คนรับรู้ว่ามีกิจกรรมการบริจาคเลือดแล้วมีของแถม เขาจึงตัดสินโทรไปให้นักข่าวช่วยประกาศให้คนช่วยมาบริจาคหน่อย และเงินที่เขาลงทุนไปตลอด 23 ปี รวมเป็นเงินราว 5 ล้าน
Sponsored Ad
ทำให้ตลอดทั้งปีนี้ มีเลือดกว่า 2 หมื่นถุงแล้ว เลือดจำนวนนี้สามารถช่วยเหลือผู้คนได้มากมายนับไม่ถ้วน แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับผลตอบแทนอะไรเลย แถมยังโดนด่าว่า “โง่” ญาติๆพากันเตือนและห้ามให้เขาทำเรื่องแบบนี้อีก แต่เขาไม่สนใจคำพูดเหล่านั้น ยังคงเดินหน้าทำต่อไป แม้จะไม่ได้ผลตอบแทนอะไร แต่เมื่อเห็นคนคนหนึ่งได้รับการช่วยเหลือ แค่นี้ก็สุขใจแล้วจริงๆ
.
.
.
ที่มา : lookingforward
แปลและเรียบเรียงโดย โลกของโฮ่ง