ลำบากแค่ไหนก็ประสบความสำเร็จได้! เธอสู้จนหาเงินได้เป็นพันล้านจาก 2 มือตัวเอง

คอมเมนต์:

ยอดเยี่ยม แค่เพียงไม่ยอมแพ้ก็มีโอกาสชนะเสมอ

        แต่ละคนมีชีวิตแตกต่างกันไป บางครั้งหรือบ่อยครั้งก็มักจะคิดว่า “ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” รู้สึกว่าตัวเองลำบากกว่าคนอื่น บางทีที่คุณต้องเจอความยากลำบากมากกว่าคนอื่น ก็เพราะคุณถูกกำหนดมาให้เป็นคนพิเศษ

        ความผิดหวังเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะ บางทีพระเจ้าอาจกำลังสร้างเทพนิยายแฮปปี้เอนดิ้ง ที่เริ่มต้นด้วยความยากลำบาก และไม่ยอมแพ้ของคุณ

 

Sponsored Ad

 

        ไม่นานมานี้ ในรายการทีวีที่เกี่ยวกับพ่อแม่อบรมสั่งสอนลูกรายการหนึ่งได้พูดถึงเด็กคนหนึ่ง ในวัยเด็กของเธอสุดแสนจะธรรมดา แถมยังเป็นเด็กขี้อายปอดแหก แต่งเนื้อแต่งตัวก็มอมแมม ที่โรงเรียนก็โดดเดี่ยว ไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับเธอ และเด็กคนนี้เมื่อโตขึ้นก็กลายเป็นนักเขียนที่มีรายได้มากที่สุดในโลก หนังสือที่เธอเขียนถูกแปลไป 67 ภาษา เธอร่ำรวยยิ่งกว่าพระราชินีของอังกฤษ เธอคือผู้เขียน แฮรี่ พอตเตอร์ (Harry Potter) -- เจ. เค. โรว์ลิง (J. K. Rowling)

 

Sponsored Ad

 

        หลายคนคิดไม่ถึงว่า ที่แท้วัยเด็กของเจ.เค.ก็แสนธรรมดา หลังจากเข้าใจ เจ.เค.ถึงได้รู้ว่าครึ่งชีวิตแรกของเธอธรรมดาและน่าเศร้ามา ความยากลำบากทำให้เธอเคยคิดที่จะลาจากโลกนี้ไป…

วัยเด็กสีเทา มีตัวอักษรเป็นเพื่อน

        เหมือนชีวิตของแฮรี่ พอตเตอร์ เจ.เค.ก็มีชีวิตวัยเด็กที่ไม่มีความสุข เธอเกิดเมื่อวันที่ 31 เดือนกรกฎาคม ปี 1965 ในครอบครัวธรรมดา ที่เมืองเกว็นท์ ประเทศอังกฤษ พ่อของเธอเป็นผู้จัดการโรงงานเครื่องบินที่เกษียณอายุแล้ว แม่เป็นช่างเทคนิคในห้องปฏิบัติการ

        การเกิดของเจ.เค.ทำให้พ่อแม่ผิดหวังมาก พวกเขาหวังว่าจะมีลูกชาย ถึงขนาดตั้งชื่อไว้เสร็จเรียบร้อยก่อนที่เจ.เค.จะเกิดว่า Simon John แต่ปรากฏว่าคลอดออกมาเป็นลูกสาว

 

Sponsored Ad

 

        แม้ว่าจะผิดหวัง แต่ในเมื่อลูกเกิดมาแล้ว พวกเขาก็ควรยินดีต้องรับชีวิตน้อยๆไม่ใช่หรอ? พ่อแม่ของเจ.เค.ไม่ทำแบบนั้น พวกเขาโยนความผิดหวังเอาไว้ในทั้งชีวิตของเจ.เค. พวกเขาเย็นชาใส่เธอ และไม่ปิดบังความผิดหวัง

        สองปีต่อมา น้องสาวของเจ.เค.ก็คลอด ตอนนั้นเจ.เค.ตั้งตารอคอย คิดว่าจะมีน้องอยู่ข้างๆ แต่เจ.เค.ก็ต้องผิดหวัง เพราะพ่อแม่ดีกับน้องมาก

        วันหนึ่งเธออดทนต่อไปไม่ไหว เธอถามพ่อแม่ : “ตอนน้องเกิด พ่อกับแม่ผิดหวังมั้ย?” พ่อแม่เธอตอบว่า : “ไม่นี่” “แปลว่าพ่อแม่รู้แล้วว่ามีลูกสาวก็ไม่เลวใช่มั้ย?” “ไม่ใช่”

 

Sponsored Ad

 

        เจ.เค.ก็ไม่รู้จะถามอะไรต่อ เธอวิ่งขึ้นห้องไปร้องไห้ เธอพบว่ามีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่อยู่ผิดที่ผิดทาง เธอถูกรังเกียจตั้งแต่เกิด

        เด็กที่พ่อแม่ไม่รัก แถมเพื่อนๆก็ไม่ชอบ ตอนเล็กๆเจ.เค.หน้าตาธรรมดา กระเต็มหน้า แถมยังใส่แว่นตา เธอไว้ผมสั้น หน้าตามอมแมม บางทีก็ยังน้ำมูกไหล บวกกับนิสัยเก็บตัว ก็เลยไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนเธอ

        เจ.เค.ที่โดดเดี่ยววันๆได้แต่อ่านหนังสือ และเพราะงั้น เธอจึงค่อยๆตกหลุมรักการอ่านและการเขียน

        ตอน 6 ขวบ เธอได้เขียนเรื่อง “กระต่าย” ตัวเอกเป็นกระต่ายที่เป็นโรคหัดชื่อ Rabbit เพื่อนๆของเขาทยอยมาเยี่ยมเขาเรื่อยๆ เรื่องนี้ไม่ได้แสดงความสามารถทางการเขียนของเจ.เค. แต่แสดงให้เห็นว่าเธอปรารถนาความอบอุ่นและมิตรภาพเพียงใด

 

Sponsored Ad

 

        ไม่มีเพื่อนเล่น ไม่มีพ่อแม่เอาใจใส่ เจ.เค.ดำเนินชีวิตแบบนี้ไปจนจบม.ปลาย สุดท้ายก็สอบเข้า University of Exeter ในอังกฤษได้ ตามคำร้องขอที่เข้มงวดของพ่อแม่ เธอต้องเรียนสาขาภาษาเยอรมัน แต่พอพ่อแม่หันหลังกลับไป เธอก็เปลี่ยนเป็นสาขาวรรณกรรมคลาสสิกที่ในสายตาพ่อแม่ไม่สามารถเอาไปทำอะไรได้เลย

ชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่น

        หลังเรียนจบมหาวิทยาลัย เจ.เค.ก็ไม่กลับไปที่บ้านแสนเย็นชา เธอหนีไปไกลและสุดท้ายก็ไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่โปรตุเกส และที่นั่นเธอได้พบกับ จอร์จสามีของเธอ เขาเป็นนักข่าว และความรักครั้งนี้ก็กลายเป็นฝันร้ายของเจ.เค.

 

Sponsored Ad

 

        พวกเขาเจอกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง จอร์จตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ เมื่อได้พูดคุยกัน ทั้งสองก็พบว่าต่างคนต่างรักการอ่าน การอ่านเป็นชีวิตของเจ.เค. บางทีนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอผู้ชายที่รักการอ่านเหมือนกัน เธอตื่นเต้นมากจนอดไม่ได้ที่จะจูบเขา

        หลังพบกันครั้งแรก ทั้งสองก็เริ่มเดทกัน แค่ความรักกลับไม่เหมือนที่เธอจินตนาการ นานวันเข้าทั้งสองก็กระทบกระทั่งกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดทะเลาะกันเป็นประจำ

        ความรักทำให้คนตาบอด การกระทบกระทั่งไม่ได้ทำให้ทั้งสองคิดจะแยกจากกัน และเพราะการตั้งท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้พวกเขาตัดสินใจแต่งงานกัน

Sponsored Ad

        เจ.เค.คิดฝันไปว่าหลังแต่งงาน ความขัดแย้งระหว่างเธอกับเขาจะลดลงเรื่อยๆ สร้างครอบครัวที่มีความสุข แต่ความจริงก็ไม่เป็นดั่งหวัง

        หลังจากแต่งงานจอร์จค่อย ๆ เปิดเผยธรรมชาติที่ไม่สามารถควบคุมได้ เขาเริ่มใช้กำลังกับเธอ และแสดงนิสัยไม่ดีมากมายออกมา ตอนที่เจสสิก้าลูกสาวอายุได้ 2 เดือนกว่า เขาก็ไล่เธอสองคนแม่ลูกออกจากอพาร์ตเม้นท์

        เจ.เค.ที่ผิดหวังกับสามีอย่างสิ้นเชิง เดินทางกลับเมืองเอดินเบิร์ก ประเทศอังกฤษ พร้อมลูกสาววัย 3 เดือน เธอหย่ากับสามี ตกงาน หมดตัว จึงทำได้แค่สมัครขอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล เงินช่วยเหลือเล็กน้อยพอแค่เป็นค่าเช่าอพาร์ตเม้นท์เล็กๆ แถมเงินมัดจำเธอยังต้องขอยืมจากเพื่อน

        ชีวิตที่ยากจนและความผิดหวังทำให้เจ.เค.รู้สึกหดหู่อย่างมาก จนมีความคิดจะฆ่าตัวตาย เธอพูดไว้ในสารคดีว่า : “ฉันในตอนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สับสนและไม่แยแสอะไร ไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีความสุข ชีวิตไร้ซึ่งสีสัน ตอนนั้น ลูกสาวเป็นเรื่องดีเรื่องเดียวในชีวิต ”

        ความทุกข์ทรมานอย่างมากทำให้เธอเริ่มไตร่ตรองชีวิตในครึ่งแรกตัวเอง หาความหมายของชีวิต แล้วเธอก็คิดถึงเรื่องราวของพ่อมดที่เธอเคยคิดตอนเธออายุ 24  เธอเริ่มลงมือเขียน “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ในฤดูหนาวที่บ้านไม่มีฮีตเตอร์ เธอก็เข็นรถเข็นเด็กไปที่ร้านกาแฟใกล้บ้าน สั่งกาแฟที่ถูกที่สุด แล้วก็นั่งเขียนเป็นวันๆ โดยตอนนั้นเจ.เค.ไม่คิดมาก่อนว่า ผลงานชิ้นนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปอย่างสิ้นเชิง

เริ่มต้นชีวิตใหม่ ตอนจบของนิยาย

        ภาคแรกของ “แฮร์รี่พอตเตอร์” ใช้เวลาเขียนถึง 5 ปี เขียนเสร็จแล้วก็ยากที่จะเปิดตัว สำนักพิมพ์ล้วนไม่เต็มใจจะพิมพ์หนังสือให้แม่บ้านที่ไม่มีชื่อเสียง

        หลังจากถูกปฏิเสธไป 12 ครั้ง เจ.เค.ก็อดที่จะรู้สึกท้อแท้ไม่ได้ จนกระทั่งมีสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งติดต่อมา พวกเขายินดีที่จะพิมพ์ครั้งแรกให้ 500 เล่มโดยให้ค่าตอบแทน 1,500 ปอนด์ สำหรับเจ.เค.ที่ฐานะยากจน ข้อเสนอนี้เหมือนพระมาโปรดเธอ

        วันหนึ่ง อยู่ๆเจ.เค.ก็ได้รับโทรศัพท์จากตัวแทนว่า ลิขสิทธิ์ของหนังสือเธอกำลังถูกประมูลในสหรัฐอเมริกา โดยสำนักพิมพ์แห่งหนึ่งในสหรัฐสนใจเป็นอย่างมาก ยินดีซื้อค่าสิขสิทธิ์ในราคาสูงถึง 105,000 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งสูงว่าตอนที่เธอพิมพ์ในอังกฤษ 1,500 ปอนด์ ถึง 5 เท่ากว่า

        ชีวิตครึ่งแรกแสนลำบาก ชีวิตครึ่งหลังแสนสุข ชีวิตต่อจากนั้นของเธอเหมือนฟ้าหลังฝน รายได้และรางวัลมากมายนับไม่ถ้วนเข้ามาในชีวิต

        นับตั้งแต่อายุ 32 ปีที่แฮร์รี่พอตเตอร์เล่มแรกเริ่มต้น หนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของเธอได้รับการตีพิมพ์ทั่วโลกแล้วกว่า 450 ล้านเล่ม แค่ค่าสิขสิทธิ์อย่างเดียว ทุกปีก็มีเงินเข้าบัญชีเธอ 17 ล้านปอนด์ ตามด้วยการถ่ายทำและเข้าฉายของภาพยนตร์เรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ สินทรัพย์ของเธอก็ทะลุ 1 พันเหรียญดอลล่าห์สหรัฐ โดยทรัพย์สินของเธอมากกว่าพระราชินีแห่งอังกฤษเสียอีก

        เมื่ออาชีพการงานก้าวหน้า เธอก็ได้พบกับรักใหม่ หลังจากชีวิตแต่งงานจบลง 6 ปี เธอก็ได้พบกับสามีคนที่สอง พวกเขาตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น

        สามีคนที่สองเด็กกว่าเธอ 6 ปี เป็นวิสัญญีแพทย์ เขาเป็นคนเก็บตัวและระมัดระวัง ใส่แว่นตาทรงกลม เหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์

        หลังแต่งงานเจ.เค.มีความสุขมาก เธอบอกว่าชีวิตตอนนี้เป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด หลายคนสงสัยว่าหลังมีชื่อเสียงเจ.เค.ทำศัลยกรรมหรือเปล่า เพราะเธอในตอนนี้สวยสง่างาม ยิ่งกว่าตอนเป็นวัยรุ่นมาก

        แน่นอนว่าเจ.เค.ไม่ได้ทำศัลยกรรม เธอแค่เริ่มมีออร่าตอนอายุ 30 กว่า พระเจ้าได้ทำตอนจบของชีวิตที่แสนลำบากและแน่วแน่ของเธอไว้เหมือนนิยาย

        บางทีคุณในตอนนี้อาจจะกำลังลำบากเหมือนเจ.เค.ตอนเป็นวัยรุ่น แต่อย่ายอมแพ้  ความผิดหวังเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะ ลำบากมากแค่ไหน ก็จะประสบความสำเร็จมากแค่นั้น

        ขอให้ความพยายามของทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างอ่อนโยนจากโลกใบนี้

แปลและเรียบเรียงโดย โลกของโฮ่ง

บทความที่คุณอาจสนใจ