15 บทเรียนชีวิต "แจ็ค หม่า" ถูกปฏิเสธจ้างงานในวันนั้น สู่ซื้อกิจการ KFC ในประเทศจีน

คอมเมนต์:

15 บทเรียนชีวิต "แจ็ค หม่า" ถูกปฏิเสธจ้างงานในวันนั้น สู่ซื้อกิจการ KFC ในประเทศจีน

    เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหูชื่อของ “หม่า หยุน” หรือ “แจ็ค หม่า” ในฐานะบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในจีนกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้เขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเว็บไซต์ Alibaba อีกด้วย  แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ ชีวิตของแจ็ค หม่า ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเขาได้ผ่านและก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ มาแล้วอย่างมากมาย

    ปัจจุบัน แจ๊ค หม่า เป็นเจ้าของบริษัท Alibaba Group ซึ่งตั้งขึ้นในปี 1999 ทำเกี่ยวกับเว็บไซต์ขายของออนไลน์ชื่อดังแห่งวงการ E-Commerce

 

Sponsored Ad

 

    ไม่ว่าจะเป็น Alibaba หรืออีเบย์ (Ebay) เมืองจีน , taobao และ Aliexpress ล่าสุดก็ได้ทำการเทคโอเวอร์ Lazada Group ซึ่งมีอยู่ใน 5  ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    แจ๊ค หม่า กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ1 ของประเทศจีน  หลังจากที่ Alibaba Group ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งเข้าตลาดหุ้นในนิวยอร์ค  ทำให้เขามีทรัพย์สินรวมมูลค่าทั้งสิ้นราว 8 แสนล้านบาท

 

Sponsored Ad

 

    ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าสมัยเป็นหนุ่ม “แจ็ค หม่า” ผู้ที่เคยถูกปฏิเสธงานจากหลายบริษัทและหนึ่งในนั้นคือ KFC  ซึ่งในช่วงนั้นเพิ่งจะเข้ามาตีตลาดในจีน ตอนนั้นมีผู้สมัครทั้งหมด 24 คน ทุกคนผ่านหมดแต่สำหรับเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกปฏิเสธ

    ใครจะไปรู้ว่าอดีตผู้เคยถูก KFC ปฏิเสธเข้าทำงานวันนั้นจะกลายมาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในจีนตอนนี้ แถมยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของกิจการ KFC จีนอีกด้วย เมื่อ Ant Financial บริษัทในเครือของ Alibaba ได้จับมือกับบริษัท Primavera  เพื่อทุ่มซื้อกิจการของ Yum Brands ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ KFC และ Pizza Hut  สาขาในประเทศจีน ด้วยมูลค่า 460 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือมูลค่าราว 15,000 ล้านบาท

 

Sponsored Ad

 

    แจ๊ค หม่า จัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่น่าทึ่งคนหนึ่งที่หลายคนทั่วโลกติดตามเขาจากเรื่องราวและแนวความคิดของเขา อะไรที่ทำให้แจ๊ค หม่า ประสบความสำเร็จสูงสุดถึงเพียงนี้ เรามาแกะรอยแนวคิดของชายผู้ร่ำรวยคนนี้ไปพร้อม ๆ กันครับ


 

Sponsored Ad

 

15 แนวคิดของ “แจ็ค หม่า” ชายผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา

1.ทำความเคยชินกับการถูก”ปฏิเสธ”

    แจ๊ค หม่า โดนปฏิเสธมาหลายต่อหลายครั้ง แม้จะรู้สึกแย่แค่ไหนเขามักจะบอกกับตัวเองเสมอว่า “มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ต้องอยู่กับมันให้ได้ ผิดพลาดให้เต็มที่ล้มก็แค่ลุกขึ้นมาใหม่ ทุกครั้งที่ลุกขึ้นมามันจะต้องเก่งขึ้นกว่าเดิมแน่นอนเพราะถือเป็นบทเรียนที่มีค่ามาก

มันจะทำให้เกิดการเรียนรู้และมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น มันจะเป็นแรงผลักดันพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งเขาเองก็หวังว่าสักวันหนึ่งต้องเป็นวันของเขา

 

Sponsored Ad

 

2.การเดินทางคือโอกาสชั้นยอด

    เขาต้องการให้คนบ้านเกิดของตัวเองได้รู้ว่า ว่า “อินเทอร์เน็ต” มันสุดยอดแค่ไหน” ซึ่งความคิดนี้เกิดมาจากตอนที่เขาค้นหาคำว่า “เบียร์” ในอินเทอร์เน็ต ทำให้พบแต่เบียร์ ที่มาจากญี่ปุ่น หรือเยอรมัน ฯลฯ แต่กลับไม่พบการค้นหาใดๆ ที่มาจากจีน

จากจุดนี้เองที่เป็นก้าวแรกของเว็บไซต์ China Pages ก่อนที่จะพัฒนามาเป็น Alibaba ซึ่งการออกเดินทางทำให้ “แจ็ค หม่า” ค้นพบว่า โลกนี้มีคนรอให้รู้จักและยังมีโอกาสอีกมากมายรอให้เขาเอื้อมไปคว้ามันมา

3.คนเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตและหาประสบการณ์ชีวิต

 

Sponsored Ad

 

    แจ๊ค หม่ามักจะบอกกับตัวเองเสมอว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงาน แต่เกิดมาเพื่อสนุกกับชีวิต และทำสิ่งที่ดีกว่า  หากคุณใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อทำงาน คุณจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงานมากเพียงใดก็ตาม คุณจะต้องจำไว้ว่า เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตให้สนุกอย่างมีความสุข

4.มี passion และพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส

    เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนคือทำให้ Alibaba ออกสู่ตลาดโลกให้ได้ และเมื่อใดก็ตามที่มีผู้คนไม่พอใจ จงมองหาโอกาสที่จะแก้ไขมัน หากที่ไหนที่มีปัญหาจะทำให้คุณสามารถจะฉวยโอกาสนี้เพื่อทำให้มันดีขึ้น ที่ใดมีปัญหาที่นั้นแหละมีโอกาส

Sponsored Ad

เขาต้อง ทำงานกันอย่างมีระบบเพื่อที่จะต่อสู้กับพวกอเมริกาให้ได้ และทางเดียวที่จะสู้กับพวกนั้นได้ก็คือ จะต้องเสียสละเวลาที่มี จะต้องทำงานกันอย่างหนักกว่าเดิมไม่ใช่แค่ว่าทำงาน 8 โมงเช้าเลิก 5 โมงเย็น

5.หาแรงบันดาลใจอย่าละทิ้งความฝัน

    “แจ๊ค หม่า” ได้รับแรงบันดาลใจจากหนัง ซึ่งเขาได้เรียนรู้ถึงเทคนิคการพูดจากหนังเรื่อง Bodyguard ,และ The Godfather  แต่หนังที่เขาชอบที่สุดคือ Forrest Gump ที่เขาได้ยึดถือเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต

    แม้ Forrest อาจดูเหมือนคนโง่ แต่เขาไม่เคยแคร์สายตาคนอื่น เสียงภายในจิตใจForrest มักจะดังกว่าเสียงจากภายนอก

    และเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร และทำไปเพื่ออะไร..สำคัญที่สุดคือ ต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำใจสู้และไม่ยอมแพ้ เพราะจะไม่มีวันรู้เลยว่าชีวิตจะเจอกับอะไรบ้าง ควรจะฝันถึงความสำเร็จอยู่เรื่อยๆ เพราะวันหนึ่งความฝันอาจเป็นจริง

6.ใส่ใจในวัฒนธรรมอย่าใส่ใจคำครหาของคนอื่น

    ตัวประกอบหลักของบริษัทของ “แจ๊ค หม่า” ก็คือวัฒนธรรม และเทคโนโลยีที่เปรียบเสมือนเครื่องมือ แต่หลักการจริงๆ เขาเริ่มจากการมีพนักงานจาก 18 คน เพิ่มมาเป็น 2 หมื่นกว่าคน  และพยายามที่จะใส่คุณค่าลงไปในตัวบุคคลและบริษัท  ทำให้เขามั่นใจได้ว่าทุกคนจะทำงานและช่วยเหลือคนอื่นนอกเหนือจากการหารายได้ สมัยก่อนเวลาที่เขาไปคุยเกี่ยวกับธุรกิจ Alibaba  หลายคนบอกว่าเป็นไอเดียที่โง่และไม่ได้เรื่อง แต่วันนี้กลับมีผู้ใช้งานในระบบ Alibaba ถึง 800 ล้านคน

7.ความเชื่อมั่นและความรับผิดชอบ คือหัวใจของธุรกิจ

    การทำธุรกิจ E-Commerce ไม่ควรดึงรัฐบาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งมันควรจะเติบโตและยืนได้ด้วยตัวของมันเอง  จะต้องสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกค้าซึ่งมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะเรื่องระบบการจ่ายเงิน เพราะจะทำให้บริษัทเดินต่อไปได้ เขาอยากให้ Alibaba เป็นช้อปปิ้ง ออนไลน์ มากกว่าแค่การคุยกันนานๆ แล้วก็จบแต่ไม่ได้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนใด ๆ

8.มีความแน่วแน่และความเชื่อ

    ในแต่ละวันจะมีคนมาเสนองานและไอเดียเป็นจำนวนมากให้กับเขา ทำให้เขาต้องปฏิเสธมันบ้าง แม้จะทำให้คนอื่นๆผิดหวัง แต่สิ่งที่สำคัญคือรูปแบบของธุรกิจจะต้องมีความชัดเจนและสามารถช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น มันไม่ใช่แค่รูปแบบธุรกิจหาเงินอย่างเดียว แต่ทัศนคติสำคัญกว่าความสามารถ ซึ่งการตัดสินใจของคุณก็สำคัญกว่าความสามารถ เขาบอกว่าไม่สามารถจะทำให้คนทุกคนนั้นคิดเหมือนกันได้ แต่สามารถที่จะทำให้ทุกคนก้าวไปทางเดียวกันด้วยเป้าหมายเดียวกันได้

9.ช่วยเหลือผู้อื่นก่อน แล้วเงินจะตามมาเอง

    แจ็ค หม่า เป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน เขามักจะทำเพื่อคนนับล้าน และมักพูดกับทุกคนอยู่เสมอว่า

    “เมื่อคุณมีเงิน 1 ล้านดอลล่าร์  มันคือเงินของคุณ  แต่หากคุณมีเงิน 1,000 ล้านดอลล่าร์ นั่นไม่ใช่เงินของคุณ แต่มันคือความเชื่อมั่นที่สังคมตอบแทนให้กับคุณ  เพราะพวกเขาเชื่อว่าคุณสามารถบริหารจัดการเงินนั้นได้”  

    หลังจากวันที่ Alibaba แจ้งเกิดในตลาดหุ้นนิวยอร์กด้วยสถิติ IPO ที่ถือได้ว่าสูงที่สุดซึ่งอยู่ที่ประมาณ 8 แสนล้านบาท เขาบอกกับทุกคนว่า มันเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มากและเขาจะทำให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนถึงความเชื่อมั่นของคนทั้งโลกที่มีต่อเขา

10.ผู้นำต้องมีอะไรที่พนักงานทั่วไปไม่มี

    คนที่เป็นผู้นำไม่ควรนำทักษะเชิงเทคนิคของตัวเองไปเปรียบเทียบกับพนักงาน แต่จะต้องเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่าพนักงานธรรมดามีความกล้าหาญ ยืนหยัด ความอดทนในสิ่งที่พนักงานธรรมดาไม่สามารถทำได้ ยอมรับสิ่งที่ล้มเหลวได้ คุณภาพของผู้นำที่ดีขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ แรงใจและความสามารถ

11.พวกที่บ้าแข่งขันกันอย่างระห่ำคือพวกโง่

    แจ็ค หม่า กล่าวว่า “หากคุณมองทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู ทุกคนรอบตัวคุณก็จะเป็นศัตรูของคุณเช่นกัน อย่าพยายามใช้ความเกลียดชังเพราะความเกลียดจะทำให้คุณพ่ายแพ้ การแข่งขันคล้ายกับการเล่นหมากกระดาน ซึ่งหากคุณแพ้กระดานนี้ คุณก็มีโอกาสเล่นต่อในกระดานต่อไปได้ นักธุรกิจที่แท้จริงไม่ควรมีศัตรู หากใครเข้าใจจุดนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลกของธุรกิจอย่างแน่นอน

12. ยอมทิ้งโอกาสดีๆ หากมีคนคิดเหมือนกัน

    ถ้าหากมีข้อเสนอมาให้คุณแล้วคนส่วนใหญ่ตอบว่าข้อเสนอนี้ว่า “ใช่” เขาบอกว่า “จะทิ้งข้อเสนอนั้นลงถังขยะในทันทีเพราะหากมีคนที่คิดว่าข้อเสนอนี้ดีมากมายขนาดนั้น แสดงว่าต้องมีคนอื่นๆ อีกมากเช่นกันที่กำลังทำงานนี้อยู่ และโอกาสนั้นมันก็อาจจะไม่ได้เป็นของเราแล้ว”

13. ความสำเร็จอยู่ที่ตัวเราเอง

    แจ๊ค หม่า ถือว่าการถ่อมตนคือนิสัยอย่างหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่า Alibaba Group จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่แจ็ค หม่า กลับมองว่า พนักงานของเขายังไม่ดีพอ วิธีดูว่าคนไหนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ให้เลือกดูที่เวลาทำอะไรผิดพลาด เพราะคนล้มเหลวมักจะเริ่มบ่น และมักกล่าวโทษคนรอบข้าง ในขณะที่คนสำเร็จจะไม่โทษคนอื่น แต่จะหันกลับมามองตัวเอง“ หากคุณอยากเปลี่ยนโลกคุณต้องเปลี่ยนตัวเองให้ได้ก่อน

14.ใช้ชีวิตอย่างสมดุล

    ตามหลักการของกังฟูนั้นเรียบง่าย แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอก็สามารถเป็นเจ้าแห่งยุทธภพได้ เขาดำเนินชีวิตตามปรัชญาไท้เก๊กและใช้หลักหยิน-หยางในการสร้างความสมดุลให้กับชีวิตและธุรกิจมาโดยตลอด

    แม้อีเบย์ จะมีขนาดใหญ่กว่าหรือคนเยอะกว่า แต่เขาไม่เคยกลัว ทุกคนล้วนมีจุดอ่อนจุดแข็งแตกต่างกันไป เพียงแต่จะต้องรู้จักยืดหยุ่นให้เป็นไปตามสถานการณ์ ซึ่งปัญหาทุกเรื่องมีทางออกเสมอ

15.จัดลำดับความสำคัญเพื่อความสำเร็จ

    โอกาสที่ทุกคนมองไม่เห็นนั่นคือโอกาสที่แท้จริง แจ๊ค หม่า บอกว่า ลูกค้าต้องมาเป็นอันดับแรก และพนักงานมาเป็นอันดับ 2 ส่วนผู้ถือหุ้นมาเป็นอันดับ 3 ควรมุ่งเน้นไปที่การครองใจและดูแลลูกค้าเก่าแทนที่จะไปเสียเวลากับการหาเทคนิคเล็กน้อยเรียกลูกค้าใหม่ ซึ่งทัศนคติของคุณจะเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน

ปิดท้ายกับคำคมๆ ของ “แจ๊ค หม่า” ที่เขาบอกว่า

    “โอกาสที่ยิ่งใหญ่บางครั้งไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน  แต่สิ่งที่อธิบายชัดเจนก็อาจจะไม่ใช่โอกาสที่ดีที่สุดเช่นกัน และคุณไม่จำเป็นต้องหาคนที่ประสบความสำเร็จแต่ให้หาคนที่ใช่ดีกว่า ส่วนคำว่า “ฟรี” นั้นอาจเป็นคำที่แพงที่สุด และสิ่งที่น่ากลัวของการเริ่มต้นธุรกิจคือการไม่ประมาทในสิ่งที่ยังมองไม่เห็น”

    เชื่อว่าหลายคนได้อ่านแนวคิดของแจ็ค หม่า แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในอันนำไปสู่การแตกยอดความคิดและลงมือทำ ปรับปรุงวิธีการของตน จนกระทั่งมองเห็นแนวทางอันเป็นหนทางไปสู่ความเป็นผู้ประสบความสำเร็จได้ในที่สุดครับ

ข้อมูลและภาพจาก taokaemai

บทความที่คุณอาจสนใจ