เปิดชีวิต "นิโคลีน" รองมิสเวิลด์ "สู้เพื่อเด็กออฯ" เคยโดนปฏิเสธจากเวทีมิสยูนิเวิร์ส!

คอมเมนต์:

ทิ้งทุกสิ่งเพื่อล่าฝัน 'นิโคลีน' เคยโดนแบน-น้องชายเป็นออทิสติก-

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        ตัวจริงเธอสวยกว่าในรูปร้อยเท่า! เราพูดความในใจออกไปแบบนั้น เธอยิ้มกว้างบอก ขอบคุณค่ะ และพูดกับเราอย่างติดตลกว่า "กล้องไม่ค่อยรักนิโคลีนค่ะ" นี่คือความน่ารักของเธอส่วนหนึ่ง

        ตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้คุยกับอีกหนึ่งในนางงามที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับคนไทยบนเวทีมิสเวิลด์ 2018 กับ 32 ปีที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีนางงามไทยคนไหนเลย ที่สวยพุ่งทัศนคติดีเลิศจนเข้ารอบลึกๆ ได้ แต่ นิโคลีนทำได้!

 

Sponsored Ad

 

        สัปดาห์นี้ Thairath Talk Fresh พาไปพูดคุยกับสาวสวย สมาร์ท ฉลาด วัย 20 ปี สาวลูกเสี้ยว จีน - อเมริกัน - ไทย นิโคลีน-พิชาภา ลิมศนุกาญจน์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ และรองอันดับ 1 มิสเวิลด์ 2018

        เราพูดคุยกันแทบทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็น ความฝันมากมาย การเทรนเข้าสู่ 'วงการขาอ่อน' จากไอดอลนางงาม 'คุณแม่' ของเธอ การประกวดบนเวทีมิสเวิลด์ 2018 และเรื่องราวที่เธอเป็นกระบอกเสียงให้กับโลก เพราะน้องชายของเธอเป็นออทิสติก นอกจากนั้นยังพิเศษสุดๆ กับโลโก้ Thairath Talk Fresh ที่เราออกแบบเป็นพิเศษสำหรับนิโคลีน โดยการเพิ่มมงกุฎ มอบมงให้กับเธอนั่นเอง 

 

Sponsored Ad

 

ความภูมิใจ สายสะพาย THAILAND พาดหัวใจ

        เหมือนฝันไหมกับตำแหน่งที่เราได้มา 

        จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นฝันแล้วค่ะตอนนี้ มันเป็นชีวิตจริงแล้ว นิโคลได้รับโอกาสมาทำงานเป็นรองอันดับหนึ่งมิสเวิลด์ 2018 และได้ทำงานเป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์ คือมันเป็นอะไรที่นิโคลรักที่จะทำค่ะ นิโคลเคยฝันที่จะยืนอยู่ตรงจุดนี้ และในที่สุดเราได้ทำฝันของเราสำเร็จแล้ว

 

Sponsored Ad

 

        ภารกิจในแต่ละวันมันเปลี่ยนตัวเราไปเลยไหม

มันทำให้ตัวเราโตขึ้น แต่ข้างในของเราก็ยังเหมือนเดิม เราเป็นคนขี้เล่น เป็นคนรักชีวิต แล้วก็ในเวลาทำงานรักที่จะทำให้สิ่งที่นิโคลได้ทำ

        ภารกิจนางงามในปี 2019

 

Sponsored Ad

 

        ในปี 2019 นิโคลจะได้ไปแต่ละทวีป ไปทำงานจิตอาสาแล้วก็จะได้พาคุณจูเลีย ประธานและเจ้าของ มิสเวิลด์ ออร์กาไนเซชั่น แล้วก็สาวๆ มิสเวิลด์ มาประเทศไทยด้วยมาร่วมทำโครงการกับนิโคล โครงการ LOVE FOR ALL กับเด็กออทิสติกค่ะ 

        รู้ไหมว่าคุณคือหนึ่งในประวัติศาสตร์ของไทยในเวทีนี้เลย

        นิโคลรู้ว่าเราเดินทางมาไกลมากกว่าจะมาถึงจุดนี้ นิโคลรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่คนไทยให้โอกาสได้มาเป็นตัวแทนประเทศไทย นิโคลภูมิใจมากๆ ที่นิโคลได้ใส่สายสะพายไทยแลนด์พาดหัวใจนิโคล พาเราเข้าไปถึง 1st Runner-up นิโคลรู้สึกดีใจมากๆ เป็นเกียรติมากๆ

 

Sponsored Ad

 

        สายสะพายไทยแลนด์ภูมิใจตรงนี้มากน้อยแค่ไหน

        ภูมิใจมาก นิโคลเป็นเด็กที่เกิดและโตในอเมริกา เกิดในสังคมอเมริกา แต่พอเวลานิโคลกลับบ้านไป พอมาเจอยาย ยายก็ทอดไข่เจียว ทำกับข้าวให้นิโคลกิน เราไปวัด ไปงานสงกรานต์ ไปลอยกระทงเรา อยู่กับสังคมไทยใน LA พวกเขาเป็นหนึ่งในการเติบโตของเรา ทุกซัมเมอร์ที่เราได้มีโอกาสกลับไทย ได้กลับบ้าน นิโคลรู้สึกภูมิใจในความเป็นไทย ก็เลยอยากเป็นตัวแทนเมืองไทย คนไทย เลยเลือกมาประกวดที่เมืองไทย

        นิโคลีนเกิดและโตที่อเมริกา กังวลไหมกับการมาประกวดนางงามแข่งกับสาวไทยแท้ 

 

Sponsored Ad

 

        มีหลายคนที่พูดเยอะมากว่าคุณจะไปสู้เด็กไทยได้เหรอ เด็กไทยเขาก็เก่งมากเลยนะ เดี๋ยวนี้เด็กไทยทั้งฉลาด ทั้งสวย สูง เก่ง นิโคลก็พูดได้คำเดียวว่า เขาเป็นเด็กไทย นิโคลก็เป็นเด็กไทยเหมือนกัน แค่บ้านนิโคลอยู่ที่อเมริกา สายเลือดนิโคลเป็นสายเลือดไทย แล้วเราก็มีศักยภาพของเราเองด้วย ทำไมคุณไม่เห็นศักยภาพของนิโคล นิโคลอยากโชว์ให้ทุกคนเห็นว่านิโคลก็ทำได้เหมือนกัน

นิโคลีน นางงาม ทอมบอย

Sponsored Ad

        นิโคลเกิดในครอบครัว การเลี้ยงดูสไตล์ไหน

        คุณแม่เป็นคนค่อนข้างชิล สบายๆ ส่วนคุณยายจะเป็นฝ่ายเข้มงวดนิดนึง เขาเป็นครูค่ะ ยายเขาเป็นคนเจ้าระเบียบนิดนึง เราก็จะได้ทั้งสองทางมีเข้มงวดแล้วก็ปล่อยฟรีสบายๆ ส่วนคุณพ่อเขาจะปล่อยฟรีเพราะเขารู้อยู่แล้วว่านิโคลทำอะไรอยู่

        คุณแม่กระซิบว่า ตอนเด็กๆ นิโคลไม่ใช่เด็กเรียบร้อย เฟี้ยวไม่เบา

        จริงๆ แล้วนิโคลเป็นแบบทอมบอยนิดนึงค่ะ (หัวเราะ) เพราะว่านิโคลชอบเล่นกีฬา แม่ก็ให้นิโคลไปเต้นบัลเลต์ ทุกวันที่นิโคลไปเต้นบัลเลต์ แม่ก็จะเอาหนังยางรัดผมไปเต้นบัลเลต์ ร้องไห้ทุกรอบ ร้องไห้ทุกครั้งที่นิโคลจะต้องเดินไปเข้าคลาสนี้ เพราะนิโคลเกลียดการที่เราจะมาใส่ทู่ทู่ (ชุดบัลเลต์) มาใส่สีชมพู เพือที่จะไปเต้นให้คนอื่นดู แต่ในสิ่งที่นิโคลแฮปปี้คือ นิโคลได้ไปต่อยมวย ได้ไปเตะบอล เป็นสิ่งที่นิโคลชอบ เราได้ไปเล่นกีฬา เป็นทอมบอยนิดนึง ผิดกับการเป็นนางงามมาก แต่มันเป็นตัวของเราเนอะ เราไม่ได้เป็นอะไรที่แปลกนะ การเป็น สปอร์ตี้เกิร์ล

ความฝันที่ ‘แชร์’ ด้วยกัน

        ใครเห็นแววการนางงามของนิโคล

        แม่ค่ะ เพราะแม่เป็นคนส่งเข้าประกวดตั้งแต่เล็กเลย แม่เคยเป็นนางงามเก่า เด็กไทยก็จะชอบไปวัดพุทธปัญญา วัดไทยฮอลลีวูด ไปประกวดสงกรานต์ นางนพมาศ นิโคลก็ไปประกวดตั้งแต่ 6-7 ขวบ แล้วก็ได้ประกวด Miss Thai New Year ตอนนิโคลอายุ 15 นั่นคือเวทีใหญ่เวทีแรก และนิโคลก็ได้รับโอกาส เราเห็นการประกวดมันเป็น การแข่งขัน เราเป็นคนชอบการแข่งขันมากๆ ตั้งแต่เป็นนักกีฬาแล้ว เราก็สนุก อยากไปต่อ แล้วนิโคลก็ได้เป็น Miss Teen Asia USA เราก็จะได้เห็นว่าการประกวด เขาไม่ได้ประกวดกันเรื่องความสวย เขาประกวดกันเรื่องความสามารถ นั่นคือสิ่งที่นิโคลเห็น มันมากกว่าการเป็นนางงาม เป็นทูต เป็นนักธุรกิจ เราต้องให้แรงบันดาลใจกับคนอื่น

        นางงามเป็นความฝันของคุณแม่ แล้วเป็นความฝันของเราด้วยไหม

        จริงๆ เราก็รักในการประกวดนะคะเพราะว่าตั้งแต่เล็กเลยนิโคลก็ดูเวที เราจะดูการประกวดตั้งแต่เล็ก เรารักในการนั่งดูว่าประเทศไหนจะเข้ารอบห้าคน ทั้งยายทั้งแม่ทั้งนิโคลเราก็จะชอบดูกัน เป็นความฝันที่เราแชร์ด้วยกัน ไม่ใช่เป็นความฝันของนิโคลคนเดียว ของคุณแม่คนเดียว แม่เขาเป็นผู้ซัพพอร์ตเราในทุกๆ สเตปที่นิโคลทำ ในทุกๆ สเตปที่นิโคลเดิน แม่เขาคอยซัพพอร์ตนิโคล คอยผลักดันนิโคล

        ตอนเด็กๆ มีฝึกเดิน ฝึกพูดหน้ากระจกไหม

        มีค่ะ ฝึกเดิน แม่เขาเอาชอล์กที่เด็กๆ เขาเขียนพื้นตีตารางอยู่หลังบ้าน เพื่อที่จะให้นิโคลซ้อมเดิน เอาผ้าขนหนูมาติดเป็นชุดให้นิโคลซ้อมเดินว่าเวทีจริงมันเป็นอย่างนี้นะ ต้องเดินจากตรงนี้ อยู่ตรงนี้ 3 นาที แล้วเขาเป็นคนเทรนหมด แม่เขาเดินได้นะ เดินสวยด้วย โบราณนิดนึง แต่เดินสวยนะ (หัวเราะ) เราไม่ได้ว่าแม่นะ แต่เป็นสไตล์ของเขา

        แม่เขาจะมีรูปร่างที่แบบมีเอว มีตูด เป็นรูปร่างสัญลักษณ์ของผู้หญิง เราก็โห แม่เราสวยมาก ทำไมเราไม่ได้สิ่งดีๆ มาบ้าง ทำไมแม่ไม่ให้ลูก คือเขาเป็นคนที่สวยมาก มีแมกกาซีนมาขอถ่ายรูป อยากให้เขาเป็นดารา เป็นนางงาม แต่ว่าพ่อของคุณแม่เขาหวงลูกสาว แต่แม่นิโคลคือ เขามีความสามารถร้องเพลงได้ เต้นได้ สามารถที่จะเข้าวงการได้ แต่คุณยายเขาหวง สงสัยเขาอาจจะเอาจุดตรงนั้นมาทำให้นิโคล พยายามซัพพอร์ตนิโคลในสิ่งที่อยากทำ

        ถามว่าพูดหน้ากระจกไหม หนักกว่านั้นอีกค่ะพี่ เราจะซ้อมตอบคำถามนางงามค่ะ ฝึกเดิน ฝึกโบกมือ ให้ยายเห็น ยายๆ ดูนี่ นี่สวยไหม องศานี้ได้ไหม (หัวเราะ) 

        นิโคลก็เลยโชคดีเลยที่คุณแม่สนับสนุนทุกอย่าง

        ทุกอย่างเลยค่ะ โชคดีที่แม่เขาเห็น ไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไรในตัวนิโคล สิ่งที่นิโคลอยากทำแค่เอ่ยปากบอกเขาก็จะให้เราทำทุกอย่าง

        ไม่มีอะไรที่เราฝืนทำเลยใช่ไหม

        จริงๆ แล้ว เขาเป็นคนที่ทำงานอะไรต้องให้ที่สุด อย่างเช่น กีตาร์ นิโคลเป็นคนที่อยากเล่นกีตาร์เอง เขาบอกให้นิโคล ยูต้องเล่นกีตาร์ให้ได้อย่างน้อยหนึ่งปี เล่นไปเล่นมาเราก็เริ่มเบื่อแล้วเนอะ เลิกก็ไม่ได้เราสัญญาไว้แล้ว เราต้องเล่นให้ได้ถึงปีนึง ตอนนี้นิโคลก็เล่นกีตาร์ได้ เล่นคอร์ดเป็น ไม่เก่งนะ แต่ทำให้เราเรียนรู้เบสิคทั้งหมด

        คุณแม่สนับสนุนหลายอย่างมาก มีความฝันอย่างอื่นไหมนอกจากนางงาม

        มีความฝันตอนเด็กๆ ค่ะอยากเป็นสัตวแพทย์ แต่แม่เขาก็จะบอกว่ายูอยากเห็นสัตว์ตายต่อหน้ายูเหรอ เราก็โอเค ไม่ได้ไม่เอาอันนี้ อยากเป็นนักบินอวกาศ แม่ก็บอกว่ามีคนเคยตายด้วยนะ มันระเบิดด้วยอะ เราก็เออไม่เป็นก็ได้ เป็นหมอได้ไหม เขาก็บอกเป็นหมอดีๆ แต่ว่าถ้ายูมีครอบครัว มีชีวิตแบบครอบครัวยูจะไม่มีเวลาให้เขาเลยนะ เลยจะเป็นคนจำหน่ายยา โอเคๆ เป็นฟาร์มาซี พอเวลาไม่กี่ปีผ่านมา งานของฟาร์มาซีเงินตก แม่บอกว่าไม่ต้องเป็นฟาร์มาซีแล้วไปเป็นพยาบาล นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดี เงินดี อะไรดี

        เราเลยบอกว่าแม่ที่โรงเรียนนิโคลเขาเรียนพยาบาล 30 คน เขาเข้ากันแค่ 10 คนนะ เขาก็บอก เรียนให้ดีนะ ตอนที่เรียนอยู่ที่นู้นก็เรียนเพื่อที่จะเป็นพยาบาล แต่ว่าเรารู้สึกว่าทุกวันที่นิโคลทำงาน เรียน ทำงาน เรียน ทำงาน มันเป็นรูทีนที่นิโคลเบื่อ นี่มันไม่ใช่ความฝันที่จริงของเรา เราไม่ได้อยู่ที่ๆ ถูกต้อง นิโคลมองไม่เห็นอนาคตของนิโคลที่เป็นพยาบาล ตอนนั้นนิโคลก็ไม่รู้ว่านิโคลอยากทำอะไร แต่เรารู้ว่าเราอยากช่วยคนเหมือนพยาบาล เรารู้ว่าเราชอบการประกวด นิโคลก็เลยทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างทิ้งบ้าน ทิ้งเพื่อน ทิ้งรถ ทิ้งที่ทำงาน เพื่อที่จะมาล่าฝันมาเป็นนางงามที่เมืองไทย

นิโคลีน นางงามเพื่อเด็กออทิสติก

        น้องชายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ให้นิโคลประกวดนางงาม

        น้องชายนิโคลเขาเป็นเด็กพัฒนาการเรียนช้า เราเข้าใจมานานแล้วว่าน้องเรียนช้า แล้วออทิสติกก็อยู่หลังหัวของเรา เราไม่เคยคิด แล้วอยู่ดีๆ เขามาฟันธงว่า น้องเป็นเด็กออทิสติกนะ แล้วแม่เราก็กังวลขึ้นมาเลย เขาแปะป้ายว่าเราเป็นเด็กออทิสติกเขาจะใช้ชีวิตยากแน่นอน รถก็จะขับไม่ได้ ใช้ชีวิตก็ยาก เขาจะได้งานไหม แม่เขาก็ไม่ยอมเซ็นรับว่าน้องเป็นเด็กออทิสติก เรารู้ว่าน้องจะใช้ชีวิตยาก

        เราก็เลยบอกแม่ว่าออทิสติกแล้วทำไมอะ เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตยาก ทำไมเราเป็นคนธรรมดาเราไม่เอื้อมมือไปช่วยเขา ไม่ว่าจะเป็นเด็กออทิสติก พิการ ด้อยโอกาสต่างๆ แล้วเราสามารถที่จะให้โอกาสเขา เราควรจะสนับสนัน เพราะเขาเป็นอนาคตของโลกเรา

        ขั้นตอนในการดูแลเด็กออทิสติก ต้องดูแลยังไงบ้าง

        จริงๆ แล้ว น้องชายนิโคลเขาเป็นออทิสติกขั้นต่ำ แล้วนิโคลเป็นคนที่สอนน้อง เราไม่เคยทำอะไรให้น้องง่ายๆ แบบทำการบ้าน นิโคลไม่เคยทำการบ้านให้น้อง ถึงแม้แม่จะบอกว่าทำการบ้านให้น้องหน่อยจะได้เสร็จเร็วๆ ได้ไปนอน แต่นิโคลก็จะนั่งอยู่ตรงนั้น อยู่กับน้อง เพื่อให้น้องทำการบ้านได้เป็น อ่านหนังสือ ให้เขียนหนังสือได้เป็น ให้ยืนด้วยสองขาให้ได้ เพราะว่านิโคลรู้ว่า สักวันนิโคลก็จะไม่อยู่ แม่ก็จะไม่อยู่ บางทีเราก็ต้องยอมเนอะว่าอนาคตเราก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง ถ้าเขาต้องอยู่คนเดียวเขาจะอยู่ได้ไหม เขาต้องการโอกาส เด็กๆ ออทิสติกพวกนี้เขาต้องการโอกาส เขาต้องการคนที่สามารถสอนเขาได้ เขาไม่ต้องการความสงสาร เขาต้องการแค่ความเข้าใจ

        คุณแม่เล่าว่าเหมือนมีคนมาแกล้งน้อง ตอนนั้นเราทำยังไง 

        คือตอนนั้นก็ยังวัยรุ่น ตอนนั้นอายุ 18 ตอนนี้อายุ 20 ก็ไม่ต่างกันมากหรอก ไปรับน้องที่โรงเรียน มีเด็กผู้ชายคนนึงผลักน้องตรงกอกุหลาบ น้องลุกขึ้นมาเลือดเต็มแขนไปหมดเลย แล้วนิโคลเห็นจากในรถ แล้วนิโคลก็กระโดดลงจากรถเลยโดยที่ยังไม่ดับเครื่อง วิ่งไปหาน้อง ไปดูว่าน้องโอเคไหม พอเห็นว่าน้องลุกขึ้นยืน เลือดยังเต็มแขนอยู่เลย นิโคลก็ไปจัดการกับเด็กผู้ชายที่ผลักน้องชายนิโคลเข้ากอกุหลาบ นิโคลก็บอกว่ายูเข้าใจไหมว่าน้องไอเป็นอะไร เขาเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใคร

        นิโคลก็คุยกับเด็กคนนี้ค่ะที่สูงกว่านิโคล เป็นเด็กผู้ชายที่เป็นอเมริกันฟุตบอลตัวใหญ่ล่ำๆ แล้วนิโคลก็เป็นแค่เด็กเอเชียตัวเล็กๆ ไม่รู้เดินเข้าไปทำไม กล้าหาญอะไรขนาดนั้น เข้าไปแล้วไปชี้แล้วก็จับปกคอเสื้อเขา ยูไม่สามารถที่จะรังแกคนที่ด้อยโอกาสกว่ายู ถึงแม้เขาคนนั้นจะเป็นคนธรรมดาที่จะอายุเท่ากัน ยูจะไปข่มแหงเขาไม่ได้ ยูจะอยู่ในโลกนี้ไม่ได้ถ้ายูเป็นคนอย่างนี้ เสร็จก็เข้าห้องครูใหญ่เพื่อที่จะไปรีพอร์ต นิโคลก็บอกไว้เลย เด็กคนนี้รังแกคนอื่นช่วยทำอะไรสักอย่างไม่ว่าจะสอนหรือว่าช่วยบอกบางอย่างกับเขา เพราะว่าเขาไม่เข้าใจและมีหลายคนยังไม่เข้าใจ ว่าออทิสติกมันคืออะไร นั่นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่แบบเราจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง

นิโคลีน กับน้องชาย

        คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากน้องชายของคุณบ้าง

        ใจเย็นค่ะคือเราเรียนรู้ว่าเราจะต้องใจเย็นกับน้อง เรารู้ว่าเขาต้องการเวลา เขาทำทุกอย่างที่เราทำได้ แต่เขาต้องการเวลา ความเข้าใจ เขาเป็นคนที่สอนนิโคลให้ใจเย็นๆ นิโคลเป็นคนที่อารมณ์ร้อนมาก แล้วก็ชอบทำอะไรให้เร็ว และเป็นคนที่จริงจังมาก เขาสอนให้นิโคลอ่อนโยน เขาสอนให้นิโคลเป็นคนที่อ่อนโยนขึ้น สอนให้นิโคลช้าลง แล้วก็เห็นคุณค่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวนิโคล

        เมื่อมีคนพูดว่าเด็กออทิสติกเป็นภาระของสังคม อยากพูดอะไรกับคนเหล่านี้

        นิโคลอยากบอกว่าคนที่พูดว่าน้องเป็นภาระอยากรู้จังเลยว่าเขาทำอะไรให้สังคมของเราเพื่อที่จะทำให้ดีขึ้น คุณทำอะไรเพื่อสังคมหรือเปล่า นิโคลรู้ว่าน้องเด็กออทิสติกเขามีศักยภาพเขาเก่ง เขามีความฝัน แล้วเขาก็เป็นเด็กคนนึงเนอะ เขาเป็นเด็กที่จะอยู่ในสังคมของเรา ทำไมเราไม่ใช้เวลาที่เรามีสนับสนุนลูกๆ หลานๆ ของเราจะได้มีสังคมที่สงบ มีประสิทธิภาพ

        ตำแหน่งของเราช่วยเด็กออทิสติกได้มากน้อยแค่ไหน

        การที่เราได้ตำแหน่งมันจะเป็นแพลตฟอร์มของเรา เราสามารถที่จะโน้มน้าวใครหลายๆ คน นิโคลสามารถที่จะเป็นตัวเชื่อมกับเด็กที่ด้อยโอกาสกับใครที่มีอิทธิพลที่สามารถช่วยน้องๆ ได้ เราคนเดียวช่วยคนอื่นไม่ได้ แต่เราเป็นคนที่เรียกเสียงให้คนมาช่วยกันได้ เราสามารถที่จะทำให้คนจับมือกันช่วยน้อง ช่วยบริจาคเงิน ช่วยสอนน้อง เราคนเดียวช่วยไม่ได้แต่ถ้าเรามีกระบอกเสียงเป็นตำแหน่งนั่นจะสามรถช่วยน้องๆได้

        เรื่องการช่วยเหลือเด็กออทิสติกในประเทศไทยกับต่างประเทศต่างกันยังไง

        นิโคลว่าเด็กที่นิโคลไปเยี่ยมมา อย่างมูลนิธิสถาบันแสงสว่าง นิโคลว่าเขารักสิ่งที่เขาทำ อย่างพวกคุณครู เขาช่วยเต็มที่ แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คือความยอมรับจากสังคม ในโรงเรียนเราอยากให้ทุกคนร่วมมือกันทั้งเด็กออทิสติกแล้วก็เด็กธรรมดา เพราะว่าที่อเมริกาจะสอนให้น้องอยู่กับสังคมได้และสอนให้เด็กธรรมดาอยู่ร่วมกับเด็กออทิสติกได้

        ยกตัวอย่างการช่วยเหลือเด็กออทิสติกที่เราเคยเห็นมาในอเมริกา

        ที่อเมริกาทุกที่ทำงานที่เป็นบริษัทใหญ่ เขามีโควตาที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นออทิสติก หรือคนพิการ นั่งวีลแชร์หรือว่าตาบอด เขามีโควตาว่าในบริษัทนี้จำนวน 100 คน จะต้องมีคนด้อยโอกาส นิโคลอยากเอาตรงนี้ที่อยู่ในอเมริกามาใช้ในเมืองไทย เพราะเด็กในเมืองไทยน้อยมากที่เขาจะมีงาน แล้วเด็กเขาต้องการรายได้ เพื่อที่จะอยู่ในสังคมได้ด้วยตัวเอง เขาต้องงานงานต้องการที่อยู่ ต้องการใช้ชีวิตธรรมดาแบบพวกเรา ถึงแม้เขาจะเป็นคนธรรมดาแบบเราแต่เราก็เชื่อมั่นว่าเขาทำงานได้

        นิโคลเคยเห็นมาแล้ว มีน้องคนหนึ่งทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟ อยู่ที่ร้านอาหารเขาทำทุกอย่างได้หมด ทำอาหารเสิร์ฟได้ แล้วใช้คอมพิวเตอร์ ใช้ไอแพดรับออเดอร์ได้หมด เขาสื่อสารได้ 2 ภาษา ทั้งภาษาอังกฤษแล้วภาษาไทย เขามีความสามารถซึ่งนิโคลรู้ว่าถ้าเราให้โอกาสเขา สังคมได้ทำงานกับคนพวกนี้ เราก็จะไ้ด้เรียนรู้มากขึ้น เราจะได้เปิดอีกโลกของเราด้วย

        เด็กออทิสติกไม่ต้องการความสงสารแต่ต้องการโอกาส 

เขาแค่ต้องการแค่โอกาสและความเข้าใจจากเรา เขาทำได้ เขามีศักยภาพ ถ้าเทียบกับเราเลย แล้วอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เขามีความคิด ครีเอทีฟ มีความคิดอาร์ต โดยที่เราอาจจะไม่รู้ เขามีไอเดียที่ไม่เหมือนคนเรา

        อยากฝากอะไรกับคนในสังคมหน่วยงานต่างๆ ให้ช่วยเหลือ

        อย่างแรกก็คือ ในทุกวันที่เราทำงาน เราจะเร่งรีบมาก เราจะมีเวลาทุกโมเมนต์เกี่ยวกับตัวเอง นิโคลอยากให้ทุกคนแบ่งเวลาเพื่อที่จะเปิดทางให้น้องๆ เด็กออทิสติก เด็กด้อยโอกาส และเด็กพิการ เราช่วยเปิดทางให้เขาหน่อย ให้โอกาสเขาหน่อย บางทีชีวิตเราต้องช้าลง

        อย่างที่น้องนิโคลสอนให้เราช้าลง เห็นคุณค่าสิ่งรอบๆ ข้างของเรา เห็นว่าคนพิการเขามีศักยภาพ เขามีความ สามารถ เขามีฝัน เราต้องสนับสนุนสิ่งที่เขาเป็น

        มีอะไรในตัวน้องชายที่ทำให้คิดว่าเขาไม่ได้เป็นคนน่าสงสาร

        ที่นิโคลเห็น เขาทำอะไรได้หลายอย่างทอดไข่ดาวได้สวยกว่านิโคลอีกเป็นเรื่องที่ตลก คือเป็นอะไรที่เรายังทำไม่ได้เลย เรื่องในครัวเราไม่ได้เลย ยายสอนแล้วเขาก็สามารถทำอาหารให้ตัวเองได้ อยู่ด้วยตัวเอง อยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องเป็นห่วง เราบอกให้เขาโทรมาทุก 2-3 ชั่วโมงเขาก็โทรมา ทำได้ดีกว่าที่เราทำด้วยซ้ำ ในจุดที่ครอบครัวทำ เราไม่ได้ทำให้ เราไม่ได้โอ๋เขา เพราะคิดว่าเขาทำได้ เราช่วยเขาในการสอนเขาดีกว่า

        มีอีกเรื่องที่หลายคนประทับใจก่อนที่คุณจะขึ้นเวทีรอบไฟนอลที่น้องส่งจดหมายให้

        เป็นเรื่องน่ารัก ตลกมากๆ น้องชายของนิโคลเป็นคนที่ลายมือไม่สวยเลย ในจดหมายที่เขาส่งมาให้ดู ลายมือเป๊ะมากๆ เราเห็นในความพยายามแค่ประโยคเล็กๆ Dear Nicole I want you to do your best and believe in yourself and never give up become it's place "Love For One And Love For All...by Nathan"  แค่นี้เราก็เห็นความตั้งใจเขา เขาไม่ได้หวังว่าเราจะได้ที่ 1 ตลอดเวลา เขาไม่ได้หวังว่าเราจะเป็นมิสเวิลด์ เขาแค่อยากให้นิโคลประสบความสำเร็จในสิ่งที่นิโคลอยากได้นั่นคือพลัง แรงบันดาลของนิโคลทุกอย่าง

นิโคลีน กับ เวทีมิสเวิลด์ 2018

        หลายคนพูดกันว่าอย่าให้ไมค์มาอยู่ที่มือคุณ มีเคล็ดลับไหมในการตอบคำถาม

        เป็นสิ่งที่เราจะต้องรู้อยู่กับตัวอยู่แล้ว ความคิดเห็นเราในทุกประเด็นเช่น ข่าวหรือการเมือง อะไรที่เป็นประเด็นฮิต เราจะต้องมีความคิดเห็นต่อสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว แล้วเราก็พูดออกมาจากใจ นิโคลไม่เคย แพลนพูดหรือเขียน ใดๆ คุณอาจจะถามกับใคร คำตอบของนิโคลก็จะไม่เหมือนกัน เรามีแนวความคิดหลักแล้วที่เหลือจะเป็นอารมณ์ความรู้สึก ณ ตอนนั้นว่าเรารู้สึกอย่างไร แล้วเวลาที่พูดมันก็จะไหลไปเอง

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

        งั้นขอถามคำถามนึง "ถ้ามีโอกาสอยากให้โลกรู้เกี่ยวกับตัวเองภายใน 15 วินาที คุณจะบอกอะไร"

        นิโคลเป็นคนที่อุทิศในสิ่งที่นิโคลทำ เวลาเราตั้งเป้าหมายเรายิงตรงเข้าเป้าหมายอย่างเดียวเลย เพราะว่ารู้ว่าการที่เราตั้งจุดหมายไม่ว่าเราจะข้ามความท้อความเหนื่อยแค่ไหน เรารู้ว่าเราพร้อมที่จะเหนื่อยที่จะทน เราพร้อมที่จะยืนอยู่จุดนี่ นิโคลรู้ว่าถ้าเราข้าม จุดที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตแล้ว เราจะรู้สึกแฮปปี้ รู้สึกดี แล้วรู้สึกถึงคำว่าสำเร็จได้ดีที่สุด

        นอกจากการตอบคำถาม เราได้เป็นตัวแทนตรงกลางการควงธง 

        Colorguard เป็นกีฬา ที่เป็นอเมริกันสปอร์ต ที่มันเป็นอเมริกันฟุตบอล มาจากทหารอเมริกัน เป็นการควงธง ปืน ดาบ นิโคลทำมา 4 ปี ตอนที่ไฮสคูล เรารักมาก แล้วเราได้โชว์ว่า เป็นความสามารถบางอย่างที่คนไม่รู้จัก เพราะว่ามันอยู่ในประเทศอเมริกา มาจากประเทศอเมริกา ประเทศไทยก็มี เราก็อยากจะโชว์ให้เห็นว่ามันเป็นกีฬาที่สนุกแล้วเราก็อยากโชว์ว่ามันเป็นความสามารถ 

        โชว์ของเขาก็อยากให้ทุกประเทศ ควงธงของตัวเอง เขาก็บอกว่าไหนๆ เราก็ควงเป็นแล้ว เขาก็ให้นิโคลช่วยคิดโชว์หน่อยได้ไหม 8-10 นาทีช่วยทำให้เป็นโชว์ที่โอเพ่นนิ่งเป็นมิติใหม่ของโอเพ่นนิ่งโชว์เลยได้ไหม เขาก็โยนให้นิโคลออกแบบท่าจุดของนิโคล และเพื่อนๆ ข้างหลังด้วย เราก็รู้สึกภูมิใจมากๆ ที่ได้ใส่ชุดไทยควงธง รู้สึกแฮปปี้มากๆ เราได้โชว์กีฬาที่เรารัก โชว์ให้คนอื่นเห็นแล้วก็โชว์ว่าประเทศไทยมีดียังไง

        ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทยเลยด้วยพอเห็นแล้วก็เซอร์ไพรส์กันทั้งประเทศ

        เพราะว่าปีนี้เป้าหมายของกองประกวดเรา กองประกวดอยากได้ Opening Dances of The World เป้าหมายหนึ่งของกองประกวด คือเราอยากได้ประเทศไทยยืนอยู่ใน Opening Dances of The World นั่นคือจุดที่เราอยากให้คนไทยภูมิใจสิ่งแรกที่นิโคลต้องทำในกองประกวดก็คือการออดิชั่นแล้วเราใส่ไปเต็มที่เลย ใน 30 วินาทีที่เราเตรียมไป เราไม่รู้เลยว่าเราจะได้โชว์ไปใน 11 นาที รู้สึกว่าแบบภูมิใจมากๆ ที่เราพาเมืองไทยไปถึงจุดนั้นได้

        ผ่านการตอบคำถาม จนได้ยืน 5 คนสุดท้าย คิดไหมว่าฉันได้แน่ๆ

        ตอนนั้น 5 คนสุดท้ายก็รู้สึกว่าเราทุ่มเททุกอย่างแล้ว นิโคลตอบคำถาม นิโคลเดิน ในทุกรอบมาแล้วเราทำเต็มที่ นิโคลก็คือเราหวังไหม เราหวังที่จะได้มิสเวิลด์ แล้วนิโคลก็หวังมาตลอด แต่ว่าคนที่ได้เราก็รักเขามากๆ มิสเม็กซิโก คือเขาเหมาะสมกับตำแหน่งมิสเวิลด์ แล้ว อีก 118 คน เขาก็เหมาะกับตำแหน่งมิสเวิลด์ เขาเก่ง สวย มีความสามารถทุกๆ คน คนไหนก็ได้ที่เขาเลือกที่จะเป็นมิสเวิลด์ คนไหนก็ได้ที่จะสามารปฏิบัติหน้าที่นี้ได้ มันแล้วแต่คนเลือกว่าเขาจะเลือกใคร แต่ถ้าถามว่านิโคลเสียดายไหม ไม่เสียดายเลยเพราะว่าเราเต็มที่ทุกๆ โมเมนต์ ทุกๆ วันในการเก็บตัว นิโคลให้เกินร้อย นิโคลทำเต็มที่ ทำที่สุดเท่าที่นิโคลจะทำได้ จนนิโคลบอกตัวเองว่า i gonna do everyday ในทุกวันนี้นิโคลภูมิใจค่ะ

อยากเป็น 'นางงาม' ฉันต้อง


        หลายคนมองว่าเวทีนางงามเป็นแค่การแข่งขันประกวดความสวยงาม ในความรู้สึกของคุณเป็นแบบนั้นไหม

        ไม่ใช่เลยค่ะ การประกวดมิสเวิลด์มีทั้งหาความแข็งแรง หาคนที่เป็นทูตได้ มันไม่ใช่แค่ความสวยแล้วตอนนี้ เรามีมิติใหม่ของการเป็นผู้หญิงที่แข็งแรง ที่เราจะสามารถพรีเซนต์ประเทศของเราและก็พรีเซนต์คนที่ไม่เหมือนเราด้วย

        อยากเป็นนางงาม ต้องเป็นยังไง สวย เรียนเก่ง รักเด็ก เหรอ?

        เริ่มจากว่าคุณอยากทำอะไรที่จะเปลี่ยนสังคมหรือเปล่า อยากเห็นสังคมของคุณเคลื่อนไหวไปทางไหน ถ้าคุณพร้อมที่จะเปลี่ยนสังคมค่ะ พร้อมที่จะมองไปทางประกวดนั่นคือจุดเริ่มต้น จุดเริ่มต้นอยู่ที่จิตใจตัวเองว่าเราอยากจะเห็นอะไรเปลี่ยนในสังคมของเราค่ะ

        ข้อดีข้อเสียของการเป็นนางงาม

        ข้อดีนะคะ เราจะมีอิทธิพลพูดหนึ่งประโยคแล้วจะมีคนเป็นพันๆ คนสามารถที่จะได้ยินประโยคของเรา และสามารถช่วยเราได้ แต่ข้อเสียคือทุกวันที่เราทำงานเป็นนางงามเราต้องเหนื่อยและเราจะต้องเสียสละตัวของเราเอง ทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ในทุกๆ วัน แต่ถ้าเราพร้อมที่จะสู้ในทุกวัน เราจะไม่เหนื่อย ถึงแม้เราจะเหนื่อยเราได้กำลังใจหาแรงบันดาลใจรอบตัวเราเพื่อที่จะผลักตัวเองให้เป็นคนที่สามารถเคลื่อนไหวโลกของเราได้ค่ะ

        แรงบันดาลใจ หรือต้นแบบไอดอลของนิโคลีน คือใคร

        เป็นคุณแม่ค่ะ จะพูดบ่อยมากว่าแม่เป็นไอดอลของนิโคลเพราะว่าทั้งคุณแม่และคุณยายย้ายมาจากเมืองไทย มาอยู่อเมริกา แล้วก็ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่ที่นู่นเลยเขาไม่เคยคุยภาษา ไม่เคยไปที่อเมริกามาก่อน แล้วเขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นู่นเลย เขาสู้อุปสรรคหลายๆ อย่างเพื่อที่จะให้นิโคลเป็นนิโคลในวันนี้ค่ะ เขาเป็นไอดอลของนิโคลเพราะว่าเขาเสียสละ เขารักนิโคล เขาเป็นคนที่อเมซิ่งมากๆ และเขาเป็นคนที่อินสไปร์มากๆ และเขาเป็นคนที่ซัพพอร์ตนิโคลมากที่สุดค่ะ

        ก่อนหน้านี้นิโคลีนประกวดมิสยูนิเวิร์ส เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ข้อดีของการตกรอบครั้งนั้น

        ข้อดีคือเราอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตเลย แล้วเราสามารถดึงตัวเองจากจุดนี้เพื่อที่จะเป็นมิสไทยแลนด์เวิดล์ค่ะ ถ้านิโคลไม่เฟล ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง นิโคลจะไม่ได้มาอยู่ในจุดนี้ แล้วประสบความสำเร็จ นิโคลขอบคุณที่นิโคลไม่ได้ไปถึงตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ เพราะว่านิโคลรู้ว่า ตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ มันคือตัวของนิโคล มันเป็นที่ที่นิโคลอยู่ เป็นที่ที่เป็นของนิโคล

        สุดท้ายแล้ว นิโคลีนเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่มีความมุ่งมั่น ผู้หญิงหลายคนอยากเป็นนิโคลีนต้องทำยังไง

        ค้นหาตัวเองค่ะ นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต้องรู้ว่าเราอยากได้อะไร เราต้องรู้ว่าเรามีลิมิตอะไรบ้าง และเราสามารถจะผลักดันลิมิตของตัวเองได้ไหม การที่เป็นนักสู้ ไม่ได้แปลว่าเราต้องชนะตลอดเวลา เราต้องเรียนรู้จากความแพ้ ความผิดหวังความท้อ นั่นไม่ได้แปลว่าชีวิตจบนะ ถ้าเราแพ้นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้น เราต้องลุกขึ้นยืนมาสู้ต่อค่ะ

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก <<<

เกาะติดข่าวสารและบทความเพิ่มเติมได้ที่ honghongworld

ข้อมูลและภาพ จาก Thairath Talk

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ