เจ้าหมาจอมตะกละ ชอบทำหน้าตาออดอ้อน เฝ้ารออาหารจากมนุษย์อย่างตั้งใจ

คอมเมนต์:

มานั่งกดดันซะขนาดนี้ ใครจะใจแข็งไหว

    กลายเป็นข่าวดังไปทั่วจีนเลยทีเดียว เมื่อสำนักข่าวในจีนได้ไปพบเข้ากับสุนัขนักกินนามว่า ‘เจ้าอ้วนน้อย’ เข้าบริเวณหน้าร้านพะโล้แห่งหนึ่ง โดยความพิเศษของมันคือมันสามารถส่งสายตาออดอ้อนมนุษย์เพื่อของกินได้อย่างเชี่ยวชาญ

    สื่อของจีนได้สัมภาษณ์กับเจ้าของร้านพะโล้ที่ต้องเจอกับเจ้าตูบนักกินตัวนี้แล้วถามว่า เจ้าสุนัขตัวอ้วนนี้มันเป็นสุนัขของใครแล้วมันมาจากไหน ซึ่งเจ้าของร้านก็บอกว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นสุนัขของใครมาจากไหน แต่เขาก็คิดว่ามันน่าจะมีอายุประมาณ 4 ปีนั่นเอง

 

Sponsored Ad

 

 

     ความพิเศษของเจ้าอ้วนน้อยนอกจากการส่งแววตาออดอ้อนแล้ว ชาวบ้านแถวนั้นยังบอกว่ามันยังเรียนรู้วิธีการนั่งที่แปลกไม่เหมือนสุนัขเพื่อเสริมสร้างความน่ารักอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าชาวบ้านก็มักจะแพ้ต่อสายตาและท่าทางของมันจนต้องยอมเอาของกินให้มันกิน

ดูสิ ดูมันอ้อน ใครจะสู้สายตาแบบนี้ไหว อร๊ายยย

 

Sponsored Ad

 

 

    ด้านเจ้าของร้านพะโล้บอกว่าเจ้าตูบนั้นจะมานั่งรอหน้าร้านเขาทุกวัน เพื่อขอกินชิ้นเนื้อแสนอร่อยจากร้านของเขา และถ้าวันไหนเขาไม่ให้ มันก็จะทำหน้าตาออดอ้อนมากกว่าเดิม บางทีทำหน้าเหมือนร้องไห้ก็มี

    ไม่เพียงแต่ร้านพะโล้ดังกล่าวเท่านั้นที่จะตกเป็นทาสความน่ารักของเจ้าอ้วนน้อย แต่ว่าร้านค้าบริเวณนั้นก็โดนโจมตีด้วยความน่ารักเช่นกัน จนตอนนี้ไม่ว่าจะร้านค้าร้านไหนก็จะต้องเปย์อาหารให้กับมันเสียทุกครั้งที่ลูกพี่อ้วนน้อยเดินมานั่งรอเรียกว่าภาพที่น่ารักมากๆ เลยทีเดียว ฮร่าๆ

 

Sponsored Ad

 

 ท่านั่งอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

 

พร้อมกับเป้าหมายเป็นร้านอาหารตรงหน้า

 

 

Sponsored Ad

 

    เจ้าของร้านพะโล้พูดถึงเจ้าอ้วนน้อยว่า “เวลาเจ้าอ้วนน้อยหิวเมื่อไหร่ มันก็จะสุ่มไปนั่งรอที่หน้าร้านอาหาร มันจะรอจนกว่าจะได้อาหาร ยิ่งนานเท่าไหร่ สายตาของมันก็จะยิ่งอ้อนเท่านั้น จนสุดท้ายคนในตลาดต้องยอมให้อาหารมันจนได้”

ร้านตรงหน้าไม่ให้ ร้านข้างก็คือเป้าหมายต่อไป!!

    สุดท้ายแล้วแม้ว่าหลังจากนี้เหล่าเจ้าของร้านอาหารจะไม่ยอมให้อาหารเจ้าอ้วนน้อยก็ดูไม่ค่อยจะสนอีกต่อไป เพราะอะไรนะเหรอ? ก็เพราะหลังจากที่มันกลายเป็นข่าวก็เริ่มมีคนแวะเวียนมาชมความน่ารักของมันพร้อมมีอาหารติดไม้ติดมือน่ะสิ ฉะนั้นตอนนี้มันคงอิ่มตลอดทั้งวันเลยละ

ที่มา : catdumb / ettoday

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ