โพสต์ปุ๊บ ขายออกปั๊บ! หนุ่มสจ๊วตผันตัวขายต้นไม้ด่าง รายได้หลักแสนแซงรายได้หลักไปแล้ว

คอมเมนต์:

เพาะเอง ขายเก่ง ทำสถิติขายออกภายใน 2 วิ!!#อายุน้อยร้อยล้าน #สจ๊วต #อาชีพสร้างเงิน #ปลูกไม้ด่าง #ไม้ด่าง #ธุรกิจ #อาชีพเสริม #ขายต้นไม้

    วันนี้แอดมินจะพาไปทำความรู้จักกับหนุ่มสจ๊วตรูปหล่อที่ผันตัวเองมาทำอาชีพเสริมที่ดูเหมือนว่าจะสร้างรายได้มากกว่าอาชีพหลักไปแล้ว เขาได้ถอดชุดสจ๊วต สวมบทบาทพ่อค้าสายเขียวที่สร้างรายได้หลักแสน ยิ่งด่างยิ่งราคาแพงทำยอดขายพุ่ง 100 เท่า เนื่องจากเขาคือคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ไม่เกี่ยงงาน สู่พ่อค้าที่สร้างสถิติการขายออนไลน์ภายใน 2 วินาที

    เขามีชื่อว่า เบิร์ด-นิติพันธ์ ลีละสุวัฒนากุล สจ๊วตสายการบินไทย วัย 32 ปี ผู้พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสสร้างรายได้เกินเงินเดือน ด้วยการเป็นพ่อค้าขายต้นไม้ เปิดร้านเป็นของตัวเองที่ใช้ชื่อว่า “Cop.plants” เนื่องจากในปัจจุบันตลาดต้นไม้กำลังเป็นกระแสสังคม โดยเฉพาะไม้ด่าง มีการซื้อขายกันในราคาหลักล้านบาท แน่นอนว่าคนทั้งประเทศก็พากันให้ความสนใจ และอยากซื้อเพื่อเป็นเจ้าของกันทั้งนั้น

 

Sponsored Ad

 

    โดยหนุ่มเบิร์ดได้เปิดเผยว่า “คือโชคดีที่ผมเข้าวงการไม้ด่างก่อนที่วงการจะราคาผันผวนขนาดนี้ เราก็เลยจะมีพวกต้นไม้ประเภทนี้ค่อนข้างเยอะ แต่ต้นไม้ต้องใช้เวลา เวลาที่เราตัดชำ มันก็ต้องใช้เวลาในการอบอีกเป็นเดือน แต่ถ้าเรามีไม้หลากหลายเราก็สามารถที่จะเอาต้นนั้น ต้นนี้มาขายเพื่อเป็นทุน เป็นการ Run ในธุรกิจของตัวเองไปก่อน พอดีกับที่ผมลงทุนกับไม้ด่าง ถูกที่ ถูกเวลา ถูกตัว สร้างกำไรคืนมา 5-10 เท่าเลย คือเพื่อนต่างๆ หรือแม้กระทั่งคนที่เขารู้จักสามารถสร้างตัวในระยะเวลาอันสั้น จากการขายไม้ด่าง แต่ทั้งนี้จะต้องศึกษาดูด้วยว่า มีต้นไม้แล้วช่องทางในการขายของตัวเองจะขายแบบไหน”

 

Sponsored Ad

 

    นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า " จริงๆ ต้นไม้ก็ช่วยชีวิต เอาจริงๆ ไม่เคยเห็นเงิน 7 หลักในบัญชีตั้งแต่บินมา 7 ปี แต่ต้นไม้เขาทำให้ได้" แต่สิ่งที่ทำให้หนุ่มเบิร์ดทึ่งมากก็คือ ทันทีที่เขาโพสต์ต้นไม้ลงไปแพลตฟอร์มไป ก็มีคนพร้อมจะเข้ามาซื้อภายใน 2 วินาที ซึ่งราคาต้นไม้มีราคาหลักพัน ไปจนถึงหลักแสน และเชื่อว่าคงไม่มีใครทำลายสถิตินี้ไปได้ ซึ่งถือเป็นจุดขายของพ่อค้ารายนี้ เพราะตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วงการไม้ด่าง เขาก็เริ่มบูม และเป็นที่รู้จักขึ้นมา ซึ่งจุดสูงสุดของเขา คือ ปัจจุบันทำรายได้กว่า 6 หลัก แซงรายได้หลักไปแล้ว

 

Sponsored Ad

 

    วิธีการคือ ตอนที่เราเอาเข้ามาก็มีการปลูก มีการชำ อย่างตัว ต้นMilkconfetti คือ เอามาเป็นเนื้อเยื่อ แล้วเรามาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเอง และพอมันขึ้น มันเป็นพุ่ม เราก็จะผ่าหน่อมัน เพื่อแยกเป็น 2 ต้น

 

Sponsored Ad

 

    หนุ่มเบิร์ดเปิดใจถึงหลังชีวิตพลิกผันจากสจ๊วต สู่พ่อค้าขายไม้ด่าง โดยเริ่มแรกก็ลองผิดลองถูกมานับไม่ถ้วน ขายสารพัดอย่าง กว่าจะมาถึงวันนี้ ที่สามารถทำรายได้ 6 หลักต่อเดือนจากวงการไม้ด่าง และสร้างสถิติการขายออนไลน์อยู่ภายใน 2 วินาทีเท่านั้น หลังจากโพสต์ขายออกไป

  

    หนุ่มเบิร์ดเปิดใจว่า “คือ ปกติเราบินทุกเดือนอยู่แล้ว เดือนละ 9-10 fight ต่อเดือน คือ ชั่วโมงบินอยู่ประมาณ 80 ชั่วโมง เราคิดว่ารายได้มันมั่นคง เราคิดว่าสายงานของเรามันเป็นอาชีพที่มั่นคง ในแต่ละเดือนเราจะได้รายได้จากการบิน แต่วันหนึ่งที่เราไม่มีบินเลยรายได้เราเป็น 0

 

Sponsored Ad

 

    แล้วเนื่องด้วยเราก็มีภาระ มี fixed cost (การบัญชี) ต่างๆ ค่าบ้าน ค่ารถ พอหยุดบินไปสัก 2-3 เดือนแล้ว ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย ก็เลยหาอย่างอื่นทำ แรกๆ เริ่มจากไปซื้อของในสำเพ็งมาขายเลย ตี 2 กับแฟนขับรถไปซื้อสายห้อยคล้องแมสก์กำไรละ 5-6 บาท จากนั้นก็หันมาขายผลไม้ ขายมังคุด ขายลองกอง ขายน้ำพริก คือ ขายมาหมดแล้ว แล้วเริ่มขยับมาเป็นไม้เขียว เป็นเศรษฐีเงินหนา คือ มีญาติที่เขามีสวน เราก็ลองเอามาขายดู แล้วมันขายได้ สมมติกำไรต้นละ 50 บาท แล้วเราพยายามขายส่งแม่ค้า 10 ต้น ก็ 500 แล้ว 20 ต้น ก็ 1,000 บาท หลังจากนั้น ก็มียอดขายเพิ่มมากขึ้น จาก 10-20 เป็น 100 -1,000 บาท

 

Sponsored Ad

 

    เราใช้เงินเก็บของเราซื้อต้นไม้ แล้วมันยังไม่ได้ขาย เขายังชำอยู่ ด้วยความโชคดีของเรา เราก็ลองเอามาประมูลราคา ลองเอามาขายดูว่าได้เท่าไหร่ สรุปว่าขาย 2 ต้น ก็ได้มา 30,000 บาท ก็รู้สึกโล่ง ได้เงินมาจ่ายทั้งค่าบ้าน ค่ารถ เหมือนต่อลมหายใจของเรา ก่อนหน้านี้ คือ ไม่ได้ศึกษาอะไรเลยครับ คือ น้องสาวก็ซื้อต้นมอนสเตอร่าอินเดียด่าง มาปีที่แล้ว คือมันบูมมาก ซื้อมาเลี้ยงที่บ้าน แต่มันเริ่มจะเหี่ยวตาย เราก็เริ่มมีการศึกษา ปรึกษาเพื่อน และทำให้รู้วิธีการปลูกต้นไม้แต่ละชนิดมากขึ้น

Sponsored Ad

    ตอนแรกเริ่มจากการขายไม้เขียวก่อน มีน้องมีเพื่อนเขาถามว่าลองปลูกไม้ด่างดูไหม เราก็ยังไม่รู้ว่าไม้ด่างคืออะไร ประจวบกับเพื่อนที่เขาขายไม้ด่าง เขาเห็นเราขายไม้เขียว เขาก็ถามว่าเบิร์ดมาจับตัวไม้ด่างดูไหม เราก็เลยลองดู แต่ว่าไม่รู้ว่าราคาเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าราคาหลักพัน ซึ่งเรารู้สึกว่าการซื้อต้นไม้ต้นหนึ่งหลักพันมันค่อนข้างเยอะ สำหรับคนที่ไม่เคยอยู่ในวงการต้นไม้มาก่อน 

    คือ เป็นต้น Strawberry shake เป็นตัว Philodendron, Red Emeraldตอนนั้นจำได้ว่าเพื่อนให้มา 3,500 ซึ่งตอนนั้นเรารู้สึกว่า 3,500 เลยเหรอ เพรามันค่อนข้างแพง สำหรับคนที่ปกติซื้อต้นไม้ในราคา 10-20 บาท แล้วอยู่ๆ เรามาซื้อหลักพัน

    ก็ค่อนข้างแพง แล้วเพื่อนก็บอกว่าอาเก็บไว้ก่อน เอาไว้ตั้งแม่ แล้วก็มีอีกต้นหนึ่งเป็นต้นของ Monstera albo คือ ตอนนี้เพื่อนให้มาในราคา 6,500 บาท เราก็เริ่มมีการโพสต์ขายแล้ว เป็นครั้งแรกที่มีการโพสต์ขายไม้ด่าง แล้วก็ขายได้ในราคา 9,500 บาท

    ในขณะที่วิกฤตนี้ที่ธุรกิจต้องหยุดชะงัก เขาไม่คิดว่าธุรกิจขายต้นไม้กลับสวนกระแสวิกฤต งอกงามขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ จนกลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนหันมาให้ความสนใจ จากซื้อมาขายไป จนกระทั่งไม้ด่างราคาสูงขึ้น เพื่อนจึงเตือนให้นำมาเพาะพันธุ์ เขาจึงนำต้น Philodendron ,Strawberry shake ที่เพื่อนให้มา ศึกษาวิธีการจากกลุ่มขายต้นไม้ ช่องทาง Youtube เลี้ยงจนต้นไม้เริ่มโต ตัดชำจนได้หลายกระถาง จากมูลค่าหลักพัน ปัจจุบันราคาสูงขึ้น คิดเป็นใบละหมื่นบาท

    "ตัวไม้ด่างยิ่งด่างยิ่งแพง ยิ่งสวย ลักษณะใบสมบูรณ์ ไม่มีโรค ไม่มีแมลง ไม่มีที่ติ สามารถตั้งราคาขายเองได้เลยครับ"  หนุ่มเบิร์ดกล่าว

    จริงๆ ต้องเข้าใจก่อนว่าพวกไม้ด่าง คือ มันเป็นไม้พิการ มันเป็นยีนด้อย แต่คำว่าไม้ด่างมันมีหลายสาเหตุมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสายพันธุ์เขาเอง เรื่องของการใช้ยาฆ่าแมลง เรื่องของโรค ก็สามารถทำให้ตัวใบเขาด่างได้

    การด่างของต้นไม้มันกำหนดไม่ได้เลย หรือว่าต้นนี้ต้องเป็นแบบไหนอย่างสมมติต้นนี้เขาด่างนิดเดียว ใบต่อมาอาจจะด่าง half อันต่อมาอาจจะด่างทั้งใบเลย หรือใบต่อมาอาจจะด่าง 1 ใน 3 มันบอกไมได้เลยว่า มันต้องด่างแบบไหน เพราะเราไม่สามารถไปควบคุมการด่างของเขาได้ มันก็เลยค่อนข้างมีราคาแพง แล้วไม้บางจำพวกมันโตช้า การที่จะมาทำจำนวนเยอะๆ อย่างการทำเนื้อเยื่อมันเป็นการทำได้ยาก แล้วการทำเนื้อเยื่อและทำให้ด่างก็เพิ่มโอกาสยากไปอีก บางต้นในตลาดตอนนี้มันก็เลยค่อนข้างมีราคาแพง ราคาสูงด้วยครับ

    อีกปัจจัยคือ ต่างชาติเขาก็มาซื้อบ้านเรา พอเขาขนออกไปปุ๊บ บ้านเราเริ่มไม้ด่างโตไม่ทันแล้ว เมื่อโตไม่ทันปุ๊บ demand (อุปทาน) supply (อุปสงค์) ความต้องการเยอะ ก็หาไม่ได้ ราคาเขาก็เลยสูง

    

    สำหรับต้นไม้ที่เรียกได้ว่าขายดีมากที่สุด 5 อันดับในบริเวรสวนบ้านต้นไม้ของร้าน Cop.plants แห่งนี้ คือ ต้น Syngonium, ต้น Milkconfetti, ต้น Syngonium panda,ต้น Monstera albo และต้น Strawberry shake ส่วนต้นที่สร้างกำไรให้เขามากถึง 7 หลักต่อเดือน ก็จะมีตัว Syngonium, Milkconfetti ,Syngonium panda , Monstera Albo แล้วก็จะมี Strawberry shake อีกตัวหนึ่งที่ขายได้คือ Mojito กำไรทั้งหมดได้ 6-7 หลัก ต่อเดือน เยอะนะ
    ตอนนี้เป็นอาชีพเสริมที่รายได้แซงรายได้หลักไปแล้ว หรือแม้กระทั่งบางเดือนได้เท่ากับรายได้หลักเลย อย่างต้นไม้วันหนึ่งขายได้ต่ำสุด คือ 10,000 บาท สำหรับคนทำปกติ ธรรมดา มันเยอะมาก

    ภาพต้นไม้ในร้านของหนุ่มเบิร์ด

    พ่อหนุ่มเบิร์ดเปลี่ยนอาชีพมาขายต้นไม้ด่าง

    ถามว่าราคาจำหน่ายเพิ่มกำไรให้วงการไม้ด่างมากแค่ไหน “100 เท่า” สจ๊วตที่นั่งอยู่ข้างหน้าผู้สัมภาษณ์ให้คำตอบ ถึงยอดขายสุดปัง ที่เพิ่มสูงขึ้น หลังศิลปินดาราหันเข้าสู่วงการไม้ด่าง ราคาขึ้นมา 100 เท่า คือ สมมติว่าต้นนี้ราคา 1,700 บาท พอมันเป็นโควิดปุ๊บ ราคามันเริ่มเด้งขึ้นมา จาก17,000 บาท ไปจนถึงหลักแสน
    เบิร์ดอยากจะบอกว่าต้นไม้อย่างนี้ มันคือการเทรด มันซื้อต้นหนึ่งมา สมมติคุณซื้อมาในราคา 30,000 บาท คุณคงไม่ขายในราคา 30,000 คุณต้องมาขายในราคา 35,000 บาท คนที่มาซื้อในราคา 35,000 เขาคงไม่ขาย 35,000 เขาก็ต้องขาย 40,000 มันก็จะโดดกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ ราคาเขาก็เลยโดดขึ้นสูงขึ้นๆ เพราะคนสุดท้ายที่ซื้อ 100,000 บาท เขาคงไม่มาขาย 50,000 บาท

(การแพ็ก “ไม้ด่าง” ส่งลูกค้าต่างชาติ)

    นอกจากนี้หนุ่มเบิร์ดยังส่งต้นไม้ไปฮ่องกง เกือบทุกสองสัปดาห์ ทำให้รู้ระบบขนส่งว่าต้องส่งยังไง ใช้เอกสารอะไรบ้าง จึงได้ร่วมงานกับเพื่อนที่ทำระบบขนส่ง เพื่อหาต้นไม้ส่งให้ลูกค้า ซึ่งหลังตกลงราคาได้แล้ว หากส่งต่างประเทศ ก่อนส่งสิ่งสำคัญ คือ ต้องถามปลายทางก่อนว่ามีใบอนุญาตนำเข้าหรือไม่ เพราะบางประเทศไม่สามารถนำพืชเข้าไปได้

    การแพ็กส่งไปต่างประเทศจะมี 2 แบบ แบบแรกคือแบบโคเรียร์ เป็นการบริการจากบ้านถึงบ้าน เป็นโฮมเซอร์วิส เหมือน EMS บ้านเราเลย แต่ถ้าจะเป็นอีกแบบหนึ่ง คือ แบบคาร์โก้ เร็วกว่า แต่ว่าลูกค้าต้องมารับของเองที่สนามบิน มันก็จะซื้อความสะดวกสบายต่างกันครับ

    อย่างไรก็ดี การทำอาชีพสจ๊วต เขายอมรับว่าการได้ภาษาที่ 3 เป็นข้อดี ช่วยในการติดต่อสื่อสาร กับลูกค้าต่างประเทศ และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างได้ให้เขา
เบิร์ดได้ภาษาอังกฤษ เบิร์ดได้ภาษาจีน และการได้คุยกับต่างชาติ บางครั้งการที่จะคุยกันเป็นครั้งแรก บางทีเขาอยากจะรู้ว่า เฮ้ย! You เป็นคนขายจริงๆ เพราะว่าบางครั้งชาวสวนบางคน เขาไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ มันก็จะยากในการสื่อสารกับเขา ถ้าเขาติดต่อกับเรา มันก็จะเป็นสิ่งที่ง่ายขึ้น สะดวกกับเขามากขึ้น เขาจะสามารถติดต่อสื่อสารกับเราได้เลย

    ถ้าคนสนใจ เบิร์ดอยากแนะนำเลยว่า อยากให้ศึกษาดูก่อน ลองศึกษาว่าเขาเลี้ยงยังไง เลี้ยงแบบไหน วัสดุปลูกเป็นวัสดุปลูกแบบไหน และช่องทางที่ตัวเองจะไปขายจะไปขายที่ไหน ถามว่าทุกคนเลี้ยงต้นไม้ได้ไหม เลี้ยงต้นไม้ได้ ทุกคนเรียนรู้ได้เหมือนกัน แต่เราต้องมาดูอีกว่า ช่องทางหรือแพลตฟอร์มในโซเชียลมีเดีย เราสามารถเข้าถึงสื่อไหนได้บ้าง เป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถหาช่องทางสร้างรายได้นะคะ

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

 ที่มา : mgronline, ร้าน Cop.plants

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ