ชีวิตไม่ง่าย.. เมื่อพ่อไม่สบาย แม่เลยต้องเลี้ยงครอบครัว ลูกสาวต้องกินของเหลือจากเพื่อน

คอมเมนต์:

เธอทั้งขยันและอดทนแบบนี้ ชีวิตไม่มีวันลำบากแน่นอน

        ในขณะที่คุณมีที่นอนผ้าห่ม ยารักษาโรคและอาหารเพียงพอ คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่ามีบางคนกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อสิ่งเหล่านั้นอยู่ พวกเขาไม่ได้ต้องการอะไรเลิศเลอ ขอเพียงแค่พออยู่ปากท้องได้และพอจ่ายค่ายาก็เพียงพอแล้ว 

        ไม่นานนี้สำนักข่าวผิงกั่วได้นำเสนอข่าว โดยในขณะที่นักข่าวกำลังเดินทางไปสัมภาษณ์อยู่นั้น ทันใดนั้นมีเด็กผู้หญิงชั้น ม.4 คนหนึ่งชื่อ เสี่ยวจวิน เดินเข้ามาและพูดทักทายอย่างสุภาพว่า “สวัสดีค่ะคุณพี่นักข่าว ที่โรงเรียนวันนี้มีสอนอบขนมปัง ลองทานดูสิคะ”

 

Sponsored Ad

 

        น้ำเสียงชัดเจนแบบนี้ทำให้บรรยากาศที่ดูอึกครึมแลดูอบอุ่นขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็รีบไปคุยกับพ่อของเธอที่นอนอยู่บนที่นอนว่า “พ่อเป็นยังไงบ้าง หนูจะเล่าเรื่องสนุกที่โรงเรียนวันนี้ให้ฟัง...” 

        เด็กสาวพูดคุยกับคุณพ่อวัย 55 ปีอย่างร่าเริง แต่คุณพ่อของเธอที่เป็นทั้งโรคหลอดเลือดสมองและภาวะโพรงสมองคั่งน้ำกลับนอนหลับไม่พูดจากับเธอ ได้เพียงแต่คอยพยักหน้าตอบเป็นจังหวะและพูดเบาๆ ว่า “อืม อืม...”

 

Sponsored Ad

 

        หญิงสาวอายุ 16 ปีแล้ว เธออาศัยอยู่กับคุณพ่อ และคุณแม่วัย 46 ปี ส่วนพี่สาววัย 18 ปีไปเรียนอยู่ที่อื่น เดิมที่คุณพ่อทำงานก่อสร้าง ก่ออิฐและโบกปูน แต่โชคร้ายที่มาป่วยเป็นโรคหลอดเลือดในสมองเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา มือข้างขวาไม่สามารถขยับและพูดคุยไม่ได้ คุณแม่ของเธอคอยดูแลมาตลอดใน 2 ปีแรก จนเมื่อ 3 ปีให้หลังอาการเริ่มดีขึ้น สามารถลุกขึ้นพยุงเข้าห้องน้ำได้ด้วยตัวเอง ออกไปเดินเล่นในที่ใกล้ๆ ได้ และเริ่มพูดคุยได้บ้างแล้ว

 

Sponsored Ad

 

        แต่เมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา คุณพ่อเริ่มมีอาการทรุดลง การเดินก็ทรงตัวได้แย่ลง และมีปัญหาด้านการพูด หลังจากพบแพทย์และเข้ารับการผ่าตัด แต่อาการของคุณพ่อก็ยังไม่ดีขึ้น ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง แพทย์ได้แต่บอกว่าอาการจะค่อยๆ ดีขึ้น เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เด็กหญิงเป็นห่วงคุณพ่อมาก เธอพูดว่า “แต่ก่อนคุณพ่อแค่ขยับมือเท้าได้ไม่สะดวก แต่ก็ยังพอมีสติพูดคุยได้ แต่ตอนนี้คุณพ่อต้องมานอนซม ฉันรู้สึกเป็นกังวลมาก”

        ฐานะการเงินในครอบครัวก็ถือว่าค่อนข้างลำบาก เธอเล่าว่าเมื่อก่อนที่บ้านต้องใช้เงินเก็บสะสมเพียงน้อยนิดบวกกับสวัสดิการผู้ป่วยพิการ และเงินช่วยเหลือจากตายายชดใช้หนี้ไปกว่า 3 แสนบาท “สองปีมานี้เริ่มดีขึ้นแล้ว แม่ไปช่วยงานในสถานพักฟื้นคนชราในตอนกลางวัน พอเลิกงานก็ไปช่วยขายน้ำผลไม้ในตลาด พอมีรายได้เดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท จึงจะพอจ่ายค่าผ้าอ้อมพ่อและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบ้านได้ แต่ยังเหลือหนี้อีกกว่าแสนบาทที่ยังไม่จ่าย” อาการมื้อกลางวันของเด็กหญิงที่โรงเรียนยังต้องขอกินของเหลือจากเพื่อนอยู่เป็นประจำ เพื่อนๆ ทุกคนจะรู้ดีว่าเมื่อเหลือกับข้าวจะมาแบ่งให้เธอ 

 

Sponsored Ad

 


        บางครั้งเธอเห็นเพื่อนกินไก่ทอดก็อยากทานบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้เพราะว่ามันแพงเกินไป เธอบอกว่าเงินค่าขนมและค่าอาหารที่แม่ให้มาวันละ 100 บาททุกวัน เธอจะประหยัดใช้จ่ายให้มากที่สุด เธอจะใช้ไม่เกินเดือนละ 1,000 บาท ส่วนที่เหลือจะคืนให้กับแม่ทุกเดือน สำหรับอนาคตด้านการศึกษา เธอเล่าว่าอยากได้ทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัย ถ้าไม่เช่นนั้นเธออาจตัดสินใจเรียนสายอาชีพและเริ่มต้นทำงานช่วยครอบครัว “ฉันอยากเรียนเกี่ยวกับการอบขนม ถ้าได้ทำงานในร้านขนมก็คงจะดี”

 

Sponsored Ad

 

        เพื่อนของเธอเล่าว่า ตอนแรกเธอคิดว่าที่เสี่ยวจวินไม่ยอมทานข้าวกลางวันเพราะต้องการลดความอ้วน แต่ภายหลังถึงได้รู้ว่าครอบครัวของเธอกำลังลำบากอยู่ “บางวันฉันก็นำข้าวกลางวันที่เหลือทานไม่หมดให้เธอ บางวันฉันก็ซื้อแซนวิซเผื่อเธอด้วยในตอนเช้า มีหลายครั้งที่เธอบอกว่าอยากได้เสื้อผ้าในอินเตอร์เน็ต แต่ก็ไม่เคยซื้อเลยสักตัว ทั้งๆ ที่เธอทำงานในช่วงวันหยุดเป็นประจำและหาเงินได้มากกว่าฉัน” แต่เพื่อนๆ กลับรู้สึกว่าพวกเขาเป็นครอบครัวรักกัน และมีความสุขมาก

        ด้านครูประจำชั้นได้เล่าว่า ครอบครัวของเธอลำบากมาก บางวันเขาก็จะนำอาหารกลางวันมาเผื่อเธอ พ่อแม่ของเธอเมื่อก่อนก็ถือว่าฐานะปานกลาง แต่พอคุณพ่อมาล้มป่วย ทุกอย่างก็ลำบากไปเสียหมด

 

Sponsored Ad

 

        คุณแม่เล่าว่า โชคร้ายที่พ่อมาล้มป่วยเอาตอนนี้ ในช่วงที่ลูกสาวกลับจากโรงเรียนมาดูแลคุณพ่อ ฉันจะไปช่วยขายน้ำผลไม้ที่ตลาดกลางคืนได้เดือนละ 8,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยเลี้ยงผู้ป่วยพิการ 4,872 บาท ก็ยังพอเลี้ยงดูคนในครอบครัวและพอจ่ายค่ายาได้ แต่ตอนนี้ยังเหลือหนี้ที่ยังไม่ได้ชดใช้อีก

        หน่วยงานท้องถิ่นกล่าวว่า คุณพ่อหวางเคยมีบุตรจากการแต่งงานครั้งแรก เติบโตอยู่ในวัยทำงานแล้ว เขาจึงไม่อยู่ในเงื่อนไขผู้ยากจน แต่ในตอนนี้ทางสำนักข่าวได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกแล้ว ทางหน่วยงานจึงตัดสินใจพิจารณามอบเงินช่วยเหลือกรณีพิเศษให้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย

Sponsored Ad


        ญาติสนิทของคุณพ่อหวางยังมีน้องชายอีกคนที่เปิดร้านน้ำผลไม้ในตลาด เขาเล่าว่าตัวเขาเองก็มีภาระ และต้องเลี้ยงดูลูกตัวคนเดียว ที่พอจะช่วยได้บ้างก็แค่ขอให้ภรรยาของเขามาช่วยงานในเวลาว่าง แต่ธุรกิจก็แย่มากในตอนนี้ โชคดีที่พี่ชายยังมีภรรยา ไม่อย่างนั้นพี่อาจอยู่ไม่ถึงทุกวันนี้ก็เป็นได้ 

        ส่วนลูกสาวคนโตอีกคน เธอสารภาพว่าเมื่อก่อนเคยทำตัวเกเร มักทำให้พ่อแม่เสียใจเป็นประจำ แต่ตอนนี้เธอโตขึ้นมากแล้ว เธอสามารถพึ่งตัวเองได้แล้ว เธอเล่าว่าน้องสาวของเธอเป็นเด็กที่เชื่อฟังมาก และมีความอดทนสูงเหมือนเป็นน้องชาย ฉันรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่กลับไปเยี่ยมที่บ้านตอนเห็นพวกเขา รอให้ฉันเรียนจบวิทยาลัยอาชีพในปีนี้ เมื่อมีงานแล้วฉันจะรีบส่งเงินไปช่วยเหลือครอบครัวแบ่งเบาภาระอีกแรง


        เธอทั้งขยันและอดทนแบบนี้ ชีวิตไม่มีวันลำบากแน่นอน เราขอภาวนาให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น

แปลและเรียบเรียงโดย โลกของโฮ่ง

บทความที่คุณอาจสนใจ