ยางพาราตกต่ำ หนุ่มใหญ่จำใจโค่นทิ้ง หันปลูกพริกไทยแค่ 1 ไร่ได้เงินปีละ 3 แสน!

คอมเมนต์:

เมื่อราคายางพาราตกต่ำ จำเป็นต้องหารายได้เสริม เพื่อหาเงินส่งลูกเรียน

    เมื่อราคายางพาราตกต่ำลง จึงจำเป็นต้องหารายได้เสริมที่ดีกว่า เพื่อจะได้มีเงินส่งเสียให้ลูกๆ ได้เรียนหนังสือจนจบระดับปริญญาตรี  โดย นายสุนะ ชูพูล ได้ปรึกษากับคนในครอบครัวและตัดสินใจโค่นต้นยางพาราเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ แล้วปลูกพริกไทย 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ซีรอน 100 ต้น และพันธุ์พื้นเมือง 300 ต้น  

    ซึ่งถึงแม้จะเก็บพริกไทยมาขายได้เต็มที่เฉพาะในช่วงฤดูกาลประมาณ 3 เดือน หรือช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์  แต่ก็ยังมีรายได้ถึงปีละกว่า 300,000 บาท ซึ่งดีกว่าการทำสวนยางพารามาก เพราะสามารถเก็บพริกไทยได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 กิโลกรัม 

 

Sponsored Ad

 

    อีกทั้งการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก เพียงใส่ปุ๋ยคอก สลับกับปุ๋ยเคมี สูตร 15-15 ปีละ 1 ครั้ง เพื่อบำรุงต้น พร้อมรดน้ำสัปดาห์ละครั้ง โดยไม่มีปัญหาเรื่องโรค และแมลงรบกวนมาก  ซึ่งในช่วงนอกฤดูกาล ก็ยังมีพริกไทยทยอยออกมาเรื่อยๆ พอได้เก็บขายเป็นพริกไทยอ่อน หรือนำไปใช้ในครัวเรือนโดยไม่ต้องซื้อหา 

 

Sponsored Ad

 

    สำหรับพริกไทยที่ปลูกลงไปทั้งหมดนั้น หลังจากที่ใช้เวลาประมาณ 1 ปีเศษ ก็จะเริ่มให้ผลผลิต และเมื่อย่างเข้าสู่ปีที่ 2-3 ผลผลิตก็ยิ่งเพิ่มขึ้น  เมื่อขายสดไม่หมด ก็สามารถนำมาตากแห้ง 3-4 แดด เพื่อทำเป็นพริกไทยดำ ซึ่งเก็บไว้ได้นาน 4-5 ปี และนำทยอยออกขายได้ตลอดทั้งปี โดยดีกว่าพริกไทยสดที่มีราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 80-100 บาทเท่านั้น 

    แต่หากนำมาตากแห้งแล้ว พริกไทยดำพันธุ์ซีรอน จะมีราคากิโลกรัมละ 300 บาท  ส่วนพริกไทยดำพันธุ์พื้นเมือง จะมีราคาถึงกิโลกรัมละ 380 บาท เนื่องจากจะได้รับความนิยมมากกว่า เพราะมีรสชาติเผ็ดร้อน และหอมกว่า  ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเครื่องแกงตำมือ ร้านอาหาร ภัตตาคาร และชาวบ้านทั่วไป  ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่โทร.(080) 871-0376 หรือ (098) 015-9834

 .

.

ข้อมูลและภาพจาก onbnews

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ