เปิดเรื่องราวของ "มนุษย์เงินเดือน" พบรักกับ "แมวจรจัด" จีบกันเป็นปี กว่าจะยอมให้เลี้ยง!!

คอมเมนต์:

คงรักเจ้าแมวมากจริงๆ ไม่ยอมแพ้จนชนะใจมันได้ และได้อยู่กับมันดั่งใจต้องการแล้ว!#แมว #แมวส้ม

        เป็นโอกาสอันดีที่ คุณสมาชิกหมายเลข 1182411 ได้ให้ทางเราเผยแพร่เป็นเรื่องราวสุดน่ารักของเขากับ “เหมียว” เจ้าแมวจรจัดที่เขาใช้เวลาจีบมันนานถึง 1 ปีเต็มกว่าจะได้ตกลงปลงใจ…

        เรื่องมันเริ่มจาก เดือนมิถุนายน โดยตัวเขาได้งานใหม่แถวๆ ราชปรารภซึ่งมันอยู่ใกล้ๆ กับประตูน้ำ ทำให้เขาไปเช่าหอพักอยู่แถวนั้นเพื่อสะดวกต่อการเดินทาง

 

Sponsored Ad

 

        และด้วยความที่เขาคนนี้เป็นคนที่ชอบออกสำรวจร้านค้าต่างๆ รอบบริเวณที่เขาอยู่ทำให้เขาได้ไปเจอกับแมวจรจัดตัวหนึ่ง ที่กลายมาเป็นตัวแสดงหลักของเรื่องนี้

        ด้วยความที่เขาไม่เคยเลี้ยงแมว เขาจึงไม่รู้วิธีการที่จะรับมือกับมัน ในช่วงแรกเขาได้พยามที่จะให้อาหารชนิดต่างๆ กับมันแต่สิ่งเดียวที่มันกินในตอนนั้นคือหมูปิ้ง

 

Sponsored Ad

 

        แถมเจ้าเหมียวยังขี้กลัวสุดๆ ไม่ยอมให้เข้าใกล้เลย มันกลัวขนาดว่าแค่ลมพัดอะไรมาโดนตัวมันยังกลัวเลย แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ!!!

        เขาเปลี่ยนจากการให้หมูปิ้งมาเป็นการไปซื้ออาหารเปียกจากร้านสะดวกซื้อมาแทน ทว่าบางวันเขามาแล้วกลับไม่เจอเจ้าเหมียว ซึ่งเขาก็เกิดความสงสัยจนไปถามป้าแม่ค้าที่ขายของแถวนั้นเป็นประจำ

        จนสุดท้าย เขาได้รู้ความลับว่าเจ้าเหมียวตัวนี้มันจะออกมาเฉพาะช่วงเวลาเย็นๆ แถมคนแถวนี้เขาก็ไม่ชอบแมวสักเท่าไหร่ ถ้าป้าเขาไม่มาขายของวันไหนแมวตัวนี้ก็จะอด

 

Sponsored Ad

 

        นอกจากนั้นเขายังได้รู้ต้นเหตุความกลัวของเจ้าเหมียวแล้วว่า ที่มันกลัวคนมากขนาดนี้ก็เพราะคนชอบไล่และทำร้ายมันมาเป็นเวลานาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ลดความตั้งใจซื้อน้ำและอาหารมาให้มันอย่างสม่ำเสมอ

        เขาบอกว่าแมวตัวนี้เนี่ยมันไม่เหมือนแมวจรจัดตัวอื่นๆ เพราะมันเรียบร้อยมาก และไม่ตะกละด้วย เวลารออาหารมันก็จะนั่งรออย่างเรียบร้อย

 

Sponsored Ad

 

        มาถึงจุดนี้ก็ดูเหมือนเขาจะเริ่มตกหลุมรักมันเข้าแล้ว เขาเริ่มศึกษาและตัดสินใจที่จะนำมันมาเลี้ยง แต่ทว่าปัญหาใหญ่ก็คือ แมวยังไม่ยอมให้เขาจับทั้งๆ ที่เขาให้อาหารมันมาเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว

        แถมช่วงนั้นก็เป็นหน้าฝนเขาเกิดความเป็นห่วงว่ามันจะป่วย เขาจึงเริ่มคิดหาวิธีต่างๆ เพื่อจะได้นำมันกลับไปเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด

        แต่แล้วไม่ว่าจะวิธีการไหนๆ มันก็ไม่ได้ผลหรือไม่น่าจะใช้งานได้เลย ทั้งการคิดจะยิงยาสลบ หรือการให้ขนมแมวเเพื่อล่อมันเข้ากระเป๋า ก็ล้วนแต่ไม่สำเร็จทั้งสิ้น แถมดูมันจะไม่ไว้ใจมากกว่าเดิมเสียอีก

 

Sponsored Ad

 

        บางวันเขาก็วิตกว่าแมวตัวนี้จะป่วยเป็นอะไรไหม มันจะไปตายที่ไหนแล้วเขาไม่รู้หรือเปล่า ความกังวลและเป็นห่วงเจ้าเหมียวพุ่งเข้าหาเขาเต็มๆ จนเริ่มจะหมดหวัง

        แต่แล้ววันหนึ่งกำลังใจของเขาก็กลับมาอีกครั้ง เขาได้ไปซื้ออาหารแมวตามปกติแถวรังสิต และก็บ่นตัดพ้อกับลุงคนขายว่า “ผมซื้ออาหารให้แมวจรจัดตัวหนึ่งมาสองเดือนแล้ว อยากให้มันไปอยู่ด้วย แต่มันก็ไม่ยอมให้จับสักที ผมท้อมากๆ เลย”

        ลุงคนขายก็พูดขึ้นมาว่า “ใจเย็น ๆ สิ คุณต้องทำให้มันรักก่อน ถ้ามันรักแล้วมันก็ยอมให้จับเอง” 

 

Sponsored Ad

 

        ด้วยคำพูดของลุงคนขายของ เหมือนจุดประกายไฟให้เขาอีกครั้ง เขาเปลี่ยนความคิดใหม่จากที่เขาคิดแต่เพียงว่าต้องจับแมวมาอยู่ด้วยให้ได้ เป็นต้องทำยังไงแมวเห็นว่าเขารักมันมากจนมันอยากจะมาอยู่ด้วย

        เขายังคงให้อาหารเจ้าเหมียวตามปกติ แต่ว่ามีวันหนึ่งที่แมวมีบาดแผลอยู่ที่ข้างตัว ทำให้เขาต้องคิดหนักว่าจะทำยังไงถึงจะรักษาแผลให้มันได้

Sponsored Ad

        เขาได้ศึกษาข้อมูลจนพบว่ามันมีสเปรย์รักษาแผลที่เรียกว่า สเปรย์นาโน แต่พอเอาเข้าจริงๆ เขากลับหาซื้อมันไม่ได้เลย แต่เขาก็ยังไม่สิ้นหวัง จนเขาค้นพบว่าเขาสามารถทำสเปรย์ที่ว่าขึ้นมาเองได้

        เขาได้ทำสเปรย์แบบบ้านๆ ขึ้นมาพร้อมกับสั่งซื้อสเปรย์นาโนจากอินเตอร์เน็ตซึ่งมันต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าของจะมา เขาเริ่มแผนการฉีดยาให้กับแมวโดยมองหาจังหวะที่แมวจะไม่ตกใจวิ่งออกไปนอกถนน

        ซึ่งมันสำเร็จ!! แผลของแมวเริ่มมีอาการที่ดีขึ้นแล้ว…. แต่เรื่องมันกลับเหมือนแย่ลง เพราะอยู่ดีๆ เจ้าเหมียวก็หายไป

        มันหายไปเป็นเวลานานพอสมควรประจวบกับช่วงนั้นเขาต้องอ่านหนังสือสอบ จึงไม่สามารถอยู่รอมันจนดึกๆ ได้สามทุ่มก็เต็มกลืนแล้ว แต่ด้วยเรื่องนี้ทำให้เขาวิตกอย่างมาก เป็นห่วงว่ามันจะเป็นอะไรไหม ทำให้เขาตัดสินใจออกมาตามหามันจนถึงเที่ยงคืน และสุดท้ายก็ได้เจอมันในที่สุด

        เวลาผ่านไปสักพักแสงแห่งความหวังก็กลับมาอีกครั้ง แมวเริ่มยอมให้เขาจับบ้างแล้ว เขารู้สึกดีใจอย่างมาก และได้เรียนรู้วิธีการเข้าหาแมวจากสมาชิกเว็บบอร์ดพันทิปท่านหนึ่งว่าควรจะจับแมวด้วยวิธีการคล้ายๆ กับแม่แมวทำ คือการจับข้างหลังคอละใช้มือช้อนใต้ก้น ซึ่งเขาก็ทำตามคำแนะนำอย่างดี

        แต่ว่าเรื่องแย่ๆ ก็พุ่งเข้ามาอีกครั้ง…

        เย็นวันที่ 26 สิงหาคม ปีถัดมา ได้มีพ่อค้าปลาหมึกหน้าใหม่เข้ามาเตรียมขายของ ณ จุดที่แมวอยู่ เขาเกิดความกลัวว่าพ่อค้าคนนี้จะไม่ได้สนใจอะไรเจ้าเหมียวเหมือนป้าคนก่อน สถานการณ์เริ่มบีบบังคับ เขาจึงตัดสินใจเริ่มปฏิบัติการพาแมวไปอยู่ด้วย

        เขาได้ไปซื้อตระกร้าพร้อมเชือกมาเพื่อเตรียมจับเจ้าเหมียว คราวนี้เหมือนเจ้าเหมียวจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมด้วยกำลังใจจากแม่ค้าแถวนั้น เขาจับมันใส่ตะกร้าโดยที่ไม่จำเป็นจะต้องมัดเชือกเลย

        และภารกิจก็สำเร็จ เขาได้พาเจ้าแมวมาอยู่ที่พอพักกับเขาอย่างถาวรเรียบร้อย

        เขาให้เจ้าเหมียวได้ปรับตัวอยู่ที่ห้องของเขาก่อนเป็นเวลา 1 เดือน พอมันเริ่มคุ้นชินแล้วจึงพามันไปหาสัตวแพทย์ ซึ่งตรวจพบว่าโรคไต เอดส์แมว และยังมีปัญหาเรื่องปอดอีกด้วย แต่ปัจจุบันแมวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก เขายังคงดูแลมันอย่างดี แถมยังทำหมันและวัคซีนให้กับมันเรียบร้อย

        ปัจจุบันหลังจากที่เขาอยู่กับแมวมาเป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ ที่หอพักเดิม ตอนนี้เขาก็ได้ย้ายมาอยู่คอนโดใหม่กับมันเป็นที่เรียบร้อย

        เจ้าเหมียวตัวนี้ก็ได้ชื่อว่า “เหมียว” ตามที่ป้าแม่ค้าเคยเรียกมัน และเพื่อให้เกียรติแก่ป้าแกด้วย จึงใช้ชื่อนี้นั่นเอง แถมมันยังไม่จับให้ลูบได้แล้วด้วย แต่ก็ยังไม่ให้อุ้มอยู่ดี

        สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับในความรักของเขาที่มีให้กับเจ้าเหมียวตัวนี้จริงๆ เขาไม่ยอมแพ้จนชนะใจมันได้ และได้อยู่กับมันดั่งใจต้องการแล้ว ยังไงซะก็ขอให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขกันไปนานๆ นะ

ข้อมูลและภาพ จาก  pantip / catdumb

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ