ด.ญ.10 ขวบ เก็บขยะช่วยครอบครัว ใช้โทรศัพท์แม่แชทกลุ่มไลน์ ขอข้าวสารประทังชีวิต

คอมเมนต์:

"หนูตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน เคยเห็นพ่อแม่มีเงินมากสุดก็หลักพัน แต่เงินที่คนใจบุญโอนให้ครอบครัวหนูนั้นเยอะมาก หนูขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนนะคะ..." - น้องบิว

    เป็นที่พูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ จากกรณีที่ได้มีการนำเสนอข่าว เด็กหญิงเอมวิกา โพธิ์ทอง หรือน้องบิว วัย 10 ขวบ เด็กหญิงยอดกตัญญู ที่เข้าไปแชทขอข้าวสารในเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง เนื่องจากผู้เป็นพ่อยังทำงานไม่ได้ ส่วนแม่ก็ต้องดูน้องเล็กวัย 2 ขวบครึ่ง ทำให้ครอบครัวขาดรายได้ 

    น้องบิว จึงได้ส่งไลน์ขอความช่วยเหลือไปยังเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว เพื่อขอข้าวสารอาหารแห้งประทังชีวิต มาจุนเจือครอบครัวให้อยู่รอด สำหรับน้องบิวนั้น เป็นเด็กหญิงที่มีความกตัญญู เป็นเด็กเรียนดี รักครอบครัว ในแต่ละวันเวลาว่างๆ ไปไหนมาไหนก็จะเก็บขวดพลาสติกมารวมไว้ที่บ้าน และรอขาย โดยก็จะขายได้ครั้งละ 20-30 บาท เมื่อขายได้ก็จะเอาเงินไปไว้ให้แม่ใช้จ่ายในครอบครัว

 

Sponsored Ad

 

    ล่าสุด ได้มีผู้ใจบุญหลายคนได้เดินทางไปพบน้องมิว เพื่อสอบถามความคืบหน้า ยังบ้านที่ ต.บางปลากด อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เมื่อไปถึงพบน้องมิว นั่งคุยอยู่กับนางสาวอรสาผู้เป็นแม่ และน้องชาย ด้วยสีหน้าท่าทางยิ้มแย้มมีความสุข โดยมีนายวชิระ ผู้เป็นพ่อเดินเก็บของอยู่ใต้ถุนบ้าน ส่วนน้องเปาน้องชายคนเล็กนอนหลับอยู่ในห้อง เมื่อน้องมิวเห็นคนมาหาก็ยกมือไหว้ต้อนรับ และกล่าวขอบคุณ

 

Sponsored Ad

 

    จากการสอบถามน้องมิว กล่าวว่า หลังจากที่เป็นข่าว มีคนใจบุญติดต่อกลับมาหาเป็นจำนวนมาก มีหลายคนโทรมาขอเลขที่บัญชี บางคนก็โอนมาช่วย 50, 100, 200, 500 บางคนก็ 1,000 บาท 

    "หนูรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เงินมาเลี้ยงครอบครัว ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับไปทั้งคืน หนูเคยเห็นพ่อแม่มีเงินอย่างมากสุดก็หลักพัน แต่เงินที่คนใจบุญโอนให้ครอบครัวหนูนั้นเยอะมาก หนูดีใจที่มีเงินเข้ามา ก็จะเก็บเอาไว้ให้พ่อแม่ซื้อกับข้าว ไว้ใช้จ่ายในครอบครัว และเอาไว้ให้พวกหนูไว้เรียนหนังสือ หนูขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนนะคะ ที่ใจบุญโอนเงินมาให้พวกหนู หนูขอบคุณค่ะ"

 

Sponsored Ad

 

    ด้านนางสาวอรสา กาลึกสม แม่ของน้องมิว กล่าวว่า ตอนนี้มีคนโอนเงินมาช่วยเยอะ แบบว่าเยอะมากๆ เยอะจนน่าตกใจ ซึ่งทั้งชีวิตของตนเองก็ไม่เคยเห็นยอดเงินเยอะขนาดนี้มาก่อน เต็มที่ก็ทำงานมีเงิน 1-2 พันบาท นั่นก็มากที่สุดในชีวิตแล้ว 

    ตนก็ได้วางแผนบริหารจัดการเงินก้อนนี้ไว้ โดยส่วนหนึ่งจะพาสามีไปหาหมอ และเก็บไว้ให้ลูกไปใช้จ่ายในเรื่องการเรียน ใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งตนก็จะใช้จ่ายเงินให้รอบคอบ คุ้มค่า และให้เกิดประโยชน์ที่สุด ให้สมกับที่มีคนใจบุญโอนมาช่วยเหลือครอบครัวตน 

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนอาการของสามีตนนั้นก็ยังคงต้องรักษาตัวต่อไป ซึ่งก็จะได้ประสานในเรื่องสิทธิ์ต่างๆ ของโรงพยาบาลเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และตอนนี้ตนก็สบายใจที่มีเงินไว้เตรียมพร้อมสำหรับเด็กๆ ตอนเปิดเรียนแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง

ที่มา : springnews

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ