"แอน ทองประสม" เผยเคล็ดลับ หุ่นเป๊ะดั่งสาวสองพันปี ลั่นปั้นหุ่นจากความป่วย !

คอมเมนต์:

"แอน ทองประสม" เผยเคล็ดลับ หุ่นเป๊ะดั่งสาวสองพันปี ลั่นปั้นหุ่นจากความป่วย !

    “ฉันกลับมาแล้ว” น่าจะเป็นประโยคที่เหมาะกับนักแสดงและผู้จัดละครคนสวย แอน ทองประสม ที่ทวงแชมป์ความปังด้วยการปั้นหุ่นฟิต ดูสวย แอ๊คทีฟ มีความสุข สนุกกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย 3 ปีที่ผ่านมาเธอทำอะไรกับตัวเองบ้าง วันนี้จะมาบอกกันแบบละเอียดยิบเลยค่ะ

ปั้นหุ่นใหม่จากความป่วย

 

Sponsored Ad

 

    ย้อนไปก่อนหน้านี้แอนทำงานหนักมาก เพราะคิดว่าถ้าเราทุ่มให้ 100 เสียงตอบรับที่กลับมาจึงจะได้ 100 จนเมื่อ 3 ปีที่แล้วไปเคานต์ดาวน์ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย จู่ๆ เกิดป่วยหนัก เป็นการฉลองปีใหม่ที่ง่อยมาก แอนจึงเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะไม่อยากมีชีวิตแบบนั้นอีกแล้ว

    เริ่มจากให้เวลาและปรับร่างกายด้วยการเล่นโยคะวันละ 1 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 4-5 วัน ตลอด 1 ปีเต็ม จนรู้สึกว่าแข็งแรงขึ้น ร่างกายยืดหยุ่นดี ทำให้รู้ว่าโยคะเป็นยาวิเศษ ต่อให้หยุดการออกกำลังทุกอย่างในโลกนี้ อย่าหยุดโยคะเด็ดขาด เพราะฉะนั้นแอนจดไว้เลยว่าโยคะเป็นสิ่งที่ต้องอยู่ในชีวิต แต่พอวัยเริ่มเปลี่ยน การเล่นโยคะอย่างเดียวไม่สามารถจัดการกล้ามเนื้อหรือดูแลรูปร่างได้หมด อาจมีความยืดหยุ่นดี แต่หัวใจไม่แข็งแรง เดินขึ้นเขาเหนื่อย บวกกับแอนอยากปั้นหุ่นใหม่ อยากใส่กางเกงยีนได้ ไม่อยากใส่แค่กางเกงผ้าหลวมๆ เสื้อโคร่ง ๆ มีคนแนะนำว่าให้ใช้เทรนเนอร์ จึงติดต่อนักเพาะกายหญิง “เชอร์รี่” มิสฟิตเนสมาจัดโปรแกรมให้

 

Sponsored Ad

 

    ตอนแรกเขาจัดโปรแกรมให้แอนเล่นเวตเทรนนิ่งสัปดาห์ละ 2-3 วัน ลดโยคะเหลือ 3 วัน เหนื่อยมากใจจะขาด ทำได้ 1 ปีแอนผอมลง รูปร่างเปลี่ยน รอบเอวหาย ก้นเด้ง เห็นไลน์กล้ามเนื้อชัดเจน ได้เอวเอสจากเวตเทรนนิ่ง ได้ความแข็งแรงของแกนกลางลำตัวและความอึดจากโยคะ จากนั้นแอนลดการดื่มน้ำอัดลมและของหวาน จะดื่มหรือกินขนมบ้างเวลามีปาร์ตี้ แต่ยังกินอาหารเหมือนเดิมทุกอย่าง จนเริ่มเข้าปีที่ 3 รู้สึกเบื่อเวตเทรนนิ่ง จึงผสมการออกกำลังกายทุกชนิดเข้าด้วยกัน ทั้งโยคะ เวตเทรนนิ่ง ต่อยมวยเพื่อให้หัวใจแข็งแรง ปั่นจักรยานในสตูดิโอ เล่นเซอร์กิตเทรนนิ่งกับแก๊งเพื่อนฝรั่ง รู้สึกเลยว่าร่างกายแข็งแรง น้ำหนักไม่ขึ้น แต่ก็ไม่ผอม ทั้งที่อยากให้น้ำหนักลงกว่านี้ จึงเริ่มกินอาหารคลีนผสมกับออกกำลังกาย แต่ร่างกายแอนบอกว่าพลังงานที่ได้จากการกินคลีนน้อยเกินไป ทำให้ไม่มีแรงฟิตร่างกายให้แข็งแรง ก็ต้องถามร่างกายด้วยว่าไหวตรงไหน ไม่ไหวตรงไหน ต้องหมั่นสังเกตตัวเอง เพราะถ้าแอนทำมากไปจะเหี่ยวและแก่ เพราะฉะนั้นเดินทางสายกลาง และทำให้แอนรู้ว่าการออกกำลังกายต้องควบคู่กับวินัยการกินจึงจะลดน้ำหนักได้สำเร็จ

 

Sponsored Ad

 

กินสายกลาง

    ตอนกินคลีนใหม่ๆ แทบจะอาเจียน แต่แอนพูดกับตัวเองว่า “ตอนนี้เรากำลังป่วยหนัก หมอสั่งให้เข้าโรงพยาบาล 3 เดือน ห้ามกินอาหารที่แสลงต่อร่างกาย” เป็นการนำศาสตร์ การละครมาใช้กับการจัดการตัวเอง บอกกับตัวเองเหมือนเล่นละครว่า “ตอนนี้เธอป่วยอยู่นะ” สั่งจิตกันอย่างนั้นเลย จะได้รู้บทบาทตัวเอง เป็นการคุยและสร้างความเชื่อให้ตัวเอง ซึ่งแต่ละคนมีเทคนิคแตกต่างกัน บางคนต้องทรมานตัวเองเพื่อให้หยุดสิ่งนั้น บางคนต้องหลอกหลอนตัวเองเพื่อให้บอกว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แล้วแต่ว่าใครจะใช้เทคนิคไหน

 

Sponsored Ad

 

    ช่วงนั้นแอนกินคลีนอย่างเดียวจนน้ำหนักลง แต่พอออกไปกินข้าวนอกบ้าน กลายเป็นว่าทุกอย่างเค็มเกินไป ทำให้ร่างกายปฏิเสธ จนตอนหลังเริ่มรู้สึกว่าการกินคลีนเป็นการลิมิตตัวเองเกินไป ไม่ไหวแล้ว อยากกบฏ จึงกลับมากินปกติ เพราะตอนนี้เรารู้แคลอรีอาหารแต่ละวันแล้ว เช่น ถ้าอยากกินไก่ทอดก็กินได้ แค่ไม่บ่อย กินให้รู้รส ให้ร่างกายไม่ลืม จะได้ไม่เรียกร้อง จนกลายเป็นโยโย่ พอกินปุ๊บ ร่างกายรีบเก็บสะสมเป็นพลังงาน เพราะโหยมานาน ค่อยๆ เรียนรู้ร่างกายตัวเอง เหมือนการฝึกจิต

 

Sponsored Ad

 

    ตอนนี้แอนกลับมากินทุกอย่างตามปกติ เพราะอยู่กองถ่ายเลือกไม่ได้ แม่ครัวทำไข่พะโล้ แกงเขียวหวาน เราก็ต้องกิน เพียงแต่เลือกกิน เช่น ไม่ราดน้ำแกงกะทิหรือน้ำพะโล้ ตัดหนังไก่ออก หรือถ้าเป็นหมูสามชั้นก็เลือกกินเฉพาะเนื้อชั้นที่สาม ตัดมันกับหนังหมูออก ถ้ามีไก่ทอดก็เลาะหนังไก่ออก ขนมหวานเป็นน้ำแข็งไส กินสองคำแล้ววางช้อน บอกตัวเองว่า “รู้รสแล้ว ไม่ได้อยากแล้ว เราได้ความหอมของน้ำหวานแล้วนี่” หรือไม่ก็ “ได้กินนมข้นท็อปปิ้งแล้วไง” ต้องคุยกับตัวเองอย่างนี้นะ พอวางช้อนแล้วหยุดและเดินหนีไปเลย อย่าหันไปมองมันอีก (หัวเราะ) ทุกคนในกองถ่ายเกลียดแอนมากที่กินทิ้งกินขว้าง แต่แอนจะกินทุกอย่างให้กลายเป็นขยะในท้องไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงบอกเขาว่าตักให้น้อยๆ หน่อยสิ (หัวเราะ)

 

Sponsored Ad

 

    ส่วนอาหารมื้อเย็นจะกินพวกสลัดผัก หรือไม่ก็ไข่พะโล้กับข้าวกล้องสองช้อน เพราะถ้ากินกลางคืน น้ำหนักจะพุ่งทันที และเบิร์นยากมาก มื้อค่ำเป็นมื้อที่แอนพยายามเว้น หรือบางทีไปกินข้าวตอนเย็นกับคุณเอ เขาชอบกินปิ้งย่าง เรากินกุ้ง เขาปิ้งเนื้อ เพราะแอนมีชีตเดย์เสาร์-อาทิตย์ 2 วัน ไม่ได้ถึงขั้นไม่แตะจั๊งค์ฟู้ดเลย ส่วนผลไม้กินครบ 3 มื้อ เน้นมะละกอ ฝรั่ง ชมพู่ แอนกินวิธีนี้แฮ็ปปี้กว่ากินคลีนเยอะ ใช้ชีวิตโดยไม่เครียดด้วย

Sponsored Ad

ชีวิตแฮปปี้ ลืมป่วย

    ก่อนหน้านี้แอนนอนดึกเพราะต้องทำบทละคร มนุษย์อย่างเราออกกำลังกายด้วย ทำงานหนักด้วยไม่ไหว หมดแรงง่ายมาก เพราะฉะนั้นแอนปรับตัวเองให้นอนเร็วและตื่นเช้าไปออกกำลังกาย แต่คนเคยนอนตี 2 เปลี่ยนมานอน 4 ทุ่มทันทีคงเป็นไปไม่ได้ ร่างกายไม่ชิน 2 สัปดาห์แรกเป็นช่วงที่ทรมานมาก ต้องค่อยๆ ปรับลดเวลาลงมา เช่น เปลี่ยนมานอนเที่ยงคืน แล้วตื่นไปออกกำลังกาย พอ 10 โมงเริ่มง่วง เราก็นอนพัก ค่อยๆ ฟังเสียงร่างกายทีละเล็กละน้อย จากนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็น 5 ทุ่ม จนเราสามารถนอนได้ 3-4 ทุ่มและตื่นเร็วขึ้น

    บางครั้งถ้าแอนไม่ได้ไปออกกำลังกายที่ยิม เพราะติดงานกองถ่ายหรือไปทำงานนอกสถานที่ ง่ายๆ เลยคือแอนถือเชือกไปกระโดดที่กองถ่าย หรือตอนเดินทางไปอินเดีย พม่า แอนถือเชือกไปกระโดดทุกที่และตั้งกล้องถ่ายเอง ไม่มีใครถ่ายให้ เพราะไม่มีใครตื่นด้วย (หัวเราะ) ตอนไปพม่าแอนตื่นก่อนแม่ค้าอีก วิ่งไปกระโดดเชือกที่ทางเดินไปตลาดเช้าและตั้งกล้องถ่าย เรียกว่าทุกอย่างที่เห็นในไอจีคือแอนทำและลงรูปอวด จนเอกกี้แซวว่า “ฉันถามเธอตรงๆ เอาแบบเพื่อนคุยกันนะ เธอกระโดดแค่ 2-3 ทีเพื่อลงคลิปใช่ไหม”

    โอ้โฮ…ถามแบบนี้ดูถูกกันมาก (ยิ้ม) จึงแซวกลับไปว่า “ฉันทำแล้วเก็บภาพโชว์ออฟให้ทุกคนเห็นว่าฉันทำสิ่งที่ดี…เข้าใจไหม ไม่ได้ตั้งกล้องถ่ายอย่างเดียว” (หัวเราะ) แอนอยากบอกว่า อย่าไปว่าคนที่ชอบออกกำลังกายแล้วโชว์ออฟเลย เพราะใครที่ทำแบบนี้ได้ต้องมีวินัย คุณต้องปรบมือให้ แอนเองลุกมาทำอะไรแบบนี้เพราะเห็นไอดอลต่างๆ บางครั้งแอนกระเด้งจากที่นอนได้เพราะเขา เราจึงควรชื่นชมคนที่ลุกมาออกกำลังกาย

กินดี หุ่นดี ออกกำลังกายดีชีวิตเปลี่ยน

    ตั้งแต่เปลี่ยนตัวเองมาออกกำลังกาย ยอมรับว่าไม่ได้มีผลต่อร่างกายอย่างเดียว แต่มีผลต่อจิตใจด้วย เพราะแอนวางตารางชีวิตตัวเองตลอดสัปดาห์ โดยเลือกการออกกำลังกายเป็นอย่างแรก งานมาเป็นอันดับ 2 เช่น ออกกำลังกายวันไหนบ้าง แล้วค่อยรับงานตามมา จากที่เมื่อก่อนเลือกงานเป็นอย่างแรก บางวันอาจขี้เกียจไปออกกำลังกาย แต่ต้องพยายามดูไอดอลของตัวเอง ขนาดเขายังลุกจากเตียงไปกระโดดโลดเต้น เพราะฉะนั้นเราลุกไปบ้างดีกว่า เพราะนี่คือสิ่งที่เราต้องทำ แต่ก่อนไม่เคยรู้ว่าสารเอนดอร์ฟินคืออะไร รู้แต่ว่าตื่นมาแล้วไปกองถ่าย ความที่ร่างกายเราไม่ถูกวอร์มมา ก็เหมือนรถที่จอดทิ้งนานๆ ไม่มีประสิทธิภาพ ติดๆ ดับๆ ขี้หงุดหงิด แต่พอออกกำลังกายแล้วแฮ็ปปี้ ตัวเบา รู้สึกเคารพตัวเอง มีเอเนอร์จี้ดีๆ ให้ทุกคน

ข้อมูลและภาพจาก นิตยสารแพรว ฉบับ 944

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ