ประกวดขาอ่อน "นางสาวสยามคนแรก" หญิงสาวที่สวยสุดในประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2477

คอมเมนต์:

กฎเหล็กที่ต้องดูตั้งแต่เส้นผมจนถึงเล็บเท้า

    วันนี้แอดมินจะพาไปชมการจัดประกวด "นางสาวสยาม" หรือที่เรียกกันในปัจจบุันว่า "นางสาวไทย" ทราบหรือไม่ว่านางสาวสยามนั้นเกิดขั้นครั้งแรกเมื่อปีใด ถ้ายังไม่ทราบไปอ่านต่อกันเลย

    กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด นางสาวสยาม ขึ้นเป็นครั้งแรก ณ บริเวณ อุทยานสราญรมย์ ในปี พ.ศ. 2477 เพื่อเฟ้นหาหญิงสาวที่สวยที่สุดในประเทศนี้ และเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองรัฐธรรมนูญ (ฉบับ พ.ศ. 2475 ) เกือบทุกจังหวัดส่งสาวงามเข้ามาประชันโฉมในพระนคร

 

Sponsored Ad

 

    สุภาพสตรีทั้ง 50 คนเริ่มเดินอวดความงามตั้งแต่คืนวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2477 และในคืนวันที่ 12 ธันวาคม นางสาว กันยา เทียนสว่าง วัย 21 ปี ครูโรงเรียนประชาบาลทารกานุเคราะห์ เป็นสาวงามที่ชนะใจกรรมการ ได้ครองตำแหน่ง นางสาวสยาม เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ ( ในขณะนั้นยังไม่ได้เปลี่ยนเป็น ประเทศไทย )

    ชื่อสกุลเดิมของเธอ คือ เจียเป็งเซ็ง มีชื่อเล่นว่า ลูซิล

 

Sponsored Ad

 

(นางสาวสยามคนแรก เจียเป็งเซ็ง )

    เธอเข้าประกวดในนามของจังหวัดพระนคร ของรางวัลที่ได้รับ คือ มงกุฎโครงทำด้วยเงินประดับเพชร หุ้มกำมะหยี่ปักด้วยดิ้นเงิน ล็อกเก็ตห้อยคอทองคำ ขันเงินสลักชื่อ นางสาวสยาม 77 และเงินสด 1,000 บาท

 

Sponsored Ad

 

    เธอเป็นสาวที่มีใบหน้าคมค่อนไปทางฝรั่ง จมูกโด่ง ผิวสองสีค่อนไปทางขาว สูงสมส่วน หลังจากพ้นตำแหน่งเธอเข้าทำงานที่หอสมุดแห่งชาติ และต่อมาได้สมรสกับ ดร. สุจิต หิรัญพฤกษ์ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ มีบุตรธิดารวม 5 คน เธอเสียชีวิตเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503 จากมะเร็งปากมดลูก ด้วยวัยเพียง 46 ปี

    ย้อนไปชมเบื้องหลังของช่วงยุคแรกแห่งการประกวดนางงามยังไม่ได้ผสมกับองค์ประกอบทางธุรกิจ บรรยากาศก็ออกมาไม่ได้ง่ายดายนักแม้จะมีเจ้านายหรือผู้ใหญ่คนสำคัญของบ้านเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะเรื่องรายละเอียดว่าด้วยการประกวดซึ่งจากการบอกเล่าของนางสาวสยามยุคแรกๆ แล้ว หน่วยงานรัฐบาลยังต้องออกตามหาผู้เข้าประกวด เมื่อได้รางวัลรัฐบาลก็ขอบริจาคอีกต่างหาก

 

Sponsored Ad

 

    อรสม สุทธิสาคร ยังบรรยายรายละเอียดการคัดเลือกนางงามสมัยนั้นว่า มีเกณฑ์คัดเลือกอย่างละเอียด

    “โดยกรรมการพิจารณาจากรูปทรง ผิวเนื้อ เล็บ ฟัน หลังเวทีมีการเปิดดูน่อง แม้นางงามจะใส่ชุดไทยห่มสไบเฉียง นุ่งผ้าซิ่น ยาวกรอมเท้า แต่กรรมการก็สำรวจละเอียดเพื่อเลือกเฟ้นคนที่งามจริงๆ หน้าตาไม่มีการแต่งเติมเสริมแต่ง เป็นที่มั่นใจได้ว่างามอย่างเป็นธรรมชาติแท้”

 

Sponsored Ad

 

(อรสม สุทธิสาคร )

    ข้อมูลนี้สอดคล้องกับปากคำของวณี ที่บอกเล่าประสบการณ์และที่มาของการเข้าร่วมประกวดครั้งนั้นว่า

    “สมัยนั้นทางมหาดไทยจะให้ข้าหลวงออกตามหาว่าบ้านไหนมีลูกสาวสวย พอทางการมาเห็นเข้าก็ขอให้ช่วยชาติร่วมฉลองงานรัฐธรรมนูญ ตอนเข้าประกวดนี่เตรียมตัวล่วงหน้าไม่นาน การทำนุบำรุงร่างกายก็เป็นไปตามปกติ เพราะเวลานั้นยังไม่นิยมการบำรุงร่างกายตามแบบสากลนิยมกันนัก

 

Sponsored Ad

 

    การประกวดก็นิยมแบบธรรมชาติแท้ๆ ไม่แต่งเติมก็ดูสวยดีนะคะ เขาจะไม่อนุญาตให้แต่งหน้าเลย ชุดประกวดเป็นชุดไทยห่มสไบเฉียงเป็นความกรุณาของคุณหญิงมหาโยธาท่านให้ยืมผ้ายกเก่าแก่ของท่านซึ่งหายากมาก ทั้งยังให้ลูกสาวซึ่งเป็นนักเรียนนอกฝึกการเดินให้ โดยเกณฑ์บ่าวไพร่คนเป็นร้อยมานั่งดู เพื่อไม่ให้เราประหม่า

    แต่เวลาเดินบนเวทีจริงๆ ก็ประหม่าเล็กน้อยนะคะ เวทีนี่เขาแต่งเหมือนเวทีละครเป็นเวทีแคบๆ เวลาเดินก็เดินเท้าเปล่ากันทุกคน ก็รู้สึกธรรมดา เพราะทุกคนก็ไม่ได้ใส่รองเท้า

Sponsored Ad

    หลังเวทีนี่กรรมการจะขอดูน่องดูผิว ดูละเอียด เวลาเดินนี่มองลงมาจากเวทีเห็นคนดูแต่งกายสุภาพสวยงาม”

    เรียม เพศยนาวิน สาวมุสลิมนางสาวไทยพ.ศ. 2482 กล่าวตรงกันว่า การประกวดเมื่อเปลี่ยนมาเป็นชื่อ “นางสาวไทย” แล้วก็ยังได้แค่ทาแป้ง ทาปากเท่านั้น ห้ามเขียนคิ้ว ดังการบอกเล่าตอนหนึ่งว่า

    “สมัยก่อนนี้หน้าไม่แต่ง แค่ทาแป้ง ทาปากได้เท่านั้น ต้องเป็นธรรมชาติจริงๆ คิ้วก็ห้ามเขียน ไปดูหลังโรงนี่จำได้เลย คุณหญิงอมร ภรรยาคุณวิลาศ โอสถานนท์ ท่านเป็นกรรมการตัดสินอยู่ด้วย ต้องเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดคิ้ว ดูว่าใครเขียนคิ้วมาหรือเปล่า แล้วชุดประกวดนี่เนื่องจากเสื้อเปิดข้างหลัง เสื้อชั้นในจะไม่ได้ใส่กัน กระโปรงยาวก็จริง แต่หลังโรงนี่กรรมการเขาต้องเปิดดูช่วงขาด้วยนะ ว่ารูปร่างดีไหม ผิวดีหรือเปล่า…”

    แม้การประกวดเปลี่ยนมาเป็น “นางสาวไทย” เมื่อ พ.ศ. 2482 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเกณฑ์การประกวดก็ยังละเอียดไม่แพ้กัน อรสม บรรยายเกณฑ์การให้คะแนนในการประกวดช่วง พ.ศ. 2497 ว่าเป็นไปอย่างละเอียดยิบ แบ่งให้คะแนน 3 ส่วน ได้แก่

    1. ศีรษะ ตั้งแต่รูปศีรษะ ใบหน้า ทรงผม สีผม คิ้ว นัยน์ตา จมูก ปาก ฟัน คอ หู

    2. ช่วงตัว ตั้งแต่ไหล่ ไหปลาร้า ทรวงอก ถัน ท้อง สะโพก

    3. แขน ขา ตั้งแต่ลำแขน ข้อศอก ข้อมือ นิ้วมือ เล็บมือ ลำขา ลำน่อง เข่า ข้อเท้า รูปเท้า นิ้วเท้า

คะแนนรวมทั้ง 3 ส่วนทั้งหมด 85 คะแนน และมีคะแนนเดินอีก 15 คะแนน

    เป็นความรู้เสริมที่ดีจริงๆ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าเมื่อก่อนเขาประกวดนางงามกันอย่างไร ตอนนี้รู้แล้ว แตกต่างกับยุคปัจจุบันมาก และนางงามคนแรกก็สวยอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ

ที่มา : silpa-mag

บทความที่คุณอาจสนใจ