ความสุขที่พอเพียง! จากสาวแอร์โฮสเตส ทิ้งเงินเดือนเกือบแสน ผันตัวสู่เส้นทาง "เกษตรอินทรีย์"

คอมเมนต์:

วันนี้เธอได้พิสูจน์แล้วว่าเส้นทาง "เกษตรอินทรีย์" ไม่ได้ด้อยค่าไปกว่าแอร์โฮสเตสเลย

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปที่เกี่ยวข้องได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        “เปิ้ล-พภัสสรณ์ จิรวราพันธ์” สาวสวยที่เคยเป็นแอร์โฮสเตสนานถึง 7 ปี ผันตัวมาเป็นเกษตรกร เพราะเลือกที่จะดูแลสุขภาพมากกว่าเงิน อย่างไรก็ตาม เธอเล่าให้ฟังเบื้องต้นว่า มันไม่ง่ายแต่อย่างใด สามปีที่ผ่าน ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นบนเส้นทางสายนี้เท่านั้น…

        จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ลาออกจากงานแล้ว 5 ปีที่เธอสามารถพูดได้เต็มปากว่าเป็นเกษตรกรเต็มตัวไปแล้ว นอกจากสวนผักสวนพืช ยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เธอแปรรูปจากธรรมชาติในชื่อแบรนด์ OganicSpace Thailland ที่จำหน่ายตามบูทงานต่างๆ และทางโซเซียลอินสตาแกรม

 

Sponsored Ad

 

        เส้นทางชีวิต ก่อนหันหน้าเข้าสู่วิถีเกษตร

        เธอจบมาทางด้านบริหารธุรกิจ พอเรียนจบ เปิ้ลเลือกงานสายการโรงแรม และทำงานที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล (Mandarin Oriental Hotel) ประมาณปีกว่าๆ จากนั้นจึงได้ไปสอบแอร์โฮสเตสเพราะอยากใช้ภาษาที่เรียนมา ปรากฏสอบผ่าน ได้เป็นแอร์โฮสเตส สายการบินเจแปนแอร์ไลน์ เปิ้ลเป็นแอร์โฮสเตสได้ประมาณ 7 ปี ก็มีปัญหาสุขภาพ เพราะเราต้องยืนเป็นเวลานาน ทำให้ปวดหลัง จึงลาออกมาทำงานออฟฟิศ

 

Sponsored Ad

 

        แต่ก็ต้องเจอปัญหาสุขภาพอีก เป็นออฟฟิศซินโดรม อีกอย่างคือรู้สึกเบื่อๆ และคิดว่าอยากจะทำอะไรเป็นของตัวเอง ยิ่งตอนทำงานออฟฟิศจะเบื่อมากเป็นพิเศษ เพราะมันหนักกว่าตอนเป็นแอร์โฮสเตสอีกนะคะ เราต้องนั่งทำงานหน้าคอมพ์ฯ ทั้งวัน ทำงานหนักเพราะส่วนตัวเราก็เป็นคนบ้างาน เมื่อมีปัญหาสุขภาพ เราจึงต้องชั่งใจกับการที่เราได้เงินมาก็จริง แต่ก็ต้องไปโรงพยาบาลทุกเดือน

        จึงอยากลาออก หันมาสนใจสุขภาพเราดีกว่า แล้วพอเราเลือกในด้านสุขภาพแล้ว เราก็เลยถามว่าตัวเองว่าชอบอะไร ก็ได้คำตอบว่าชอบธรรมชาติ พอตอบตัวเองได้ เราก็เริ่มมองหาทางเลือกว่าอะไรที่จะช่วยและไม่ทำลายสุขภาพบ้าง ก็ไปสนใจเรื่องการปลูกผัก และไปเรียนเกี่ยวกับการปลูกผักที่ Organic Way ของป้าหน่อยแถวๆ ราษฎร์บูรณะ ตอนนั้นเราก็ยังทำงานออฟฟิศอยู่นะคะ

 

Sponsored Ad

 

        พอเราเลือกสุขภาพ เราก็ต้องจริงจังกับชีวิตมากขึ้น ทั้งเรื่องอาหารการกิน เรื่องของใช้ต่างๆ เริ่มทำสวนหลังบ้านด้วยการดัดแปลงพื้นที่เล็กๆ ให้เป็นที่ปลูกผักกินเองก่อน หลังจากนั้นก็ศึกษาเกี่ยวกับการเกษตรมากขึ้น ศึกษาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงด้วย และประจวบกับคุณแม่มีที่ทางอยู่ที่บ้านหมอ จังหวัดสระบุรีหลายไร่ เราก็เลยตัดสินใจว่าจะมาทำจริงๆ จังๆ อีกอย่าง ต้องบอกว่าจุดที่เราเปลี่ยนจริงจัง เพราะเราได้ไปเข้าโครงการคนกล้าคืนถิ่น

 

Sponsored Ad

 

        เป็นโครงการที่ให้คนที่มีที่ทางมาเข้าศึกษาหลักสูตร มีปราชญ์ชาวบ้านมาให้คำแนะนำ พอได้อบรมจริงจังแล้ว เราก็เริ่มทำ จากเล็กๆ 2 ไร่ก่อน เพราะเราอยากรู้ว่าตัวเองทำได้ไหม ก็เริ่มด้วยการปลูกข้าวโพด พอทำข้าวโพดได้เก็บได้กินแล้ว เราก็ไถข้าวโพดหมักดินเพื่อปลูกข้าวต่อ ข้าวที่ปลูกเป็นข้าวไร่เหลืองดง ข้าวพันธุ์พื้นบ้านตามคอนเซ็ปต์ที่เปิ้ลอยากปลูกอะไรที่เป็นการอนุรักษ์พันธุ์พืชพื้นบ้านไว้

        เราก็จึงปลูกข้าวชนิดนี้แล้วมันก็เหมาะกับพื้นที่ของเราด้วย เพราะปีที่แล้วแล้งมาก เราเลยต้องปลูกข้าวชนิดนี้เพราะข้าวชนิดนี้ใช้น้ำน้อย ตอนนี้เปิ้ลทำอยู่ทั้งหมด 3 อย่างค่ะ เรื่องเกษตรที่เราปลูก ก็เริ่มจากทำที่สวนหลังบ้านให้เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เปิ้ลเริ่มจากปลูกข้าวโพด ปลูกข้าว แต่ตอนนี้ในเรื่องของการเป็นเกษตรกร เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นอยู่ อยู่ในขั้นพอกินอยู่ จะเป็นการเอาสิ่งที่ปลูกมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มากกว่า

 

Sponsored Ad

 

        ส่วนสิ่งที่เราปลูกยังไม่มีจำหน่าย เรายังอยู่ในขั้นตอนการเป็นเกษตรกรเล็กๆ ที่ปลูกกินเองตามแนวพระราชดำริก่อน แต่ว่าก็มีแผนที่จะปลูกขยายมากขึ้นเหมือนกันนะคะ อย่างที่สองเปิ้ลมีแบรนด์ OganicSpace Thailland อันนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์ของใช้ เช่น สบู่ออแกนิกที่ทำจากเกล็ดน้ำมันซึ่งน้ำมันเราก็จะใช้น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอกสกัดเย็น น้ำมันละหุ่ง โดยเอาผลิตผลที่ปลูกอยู่หลังบ้านอย่างตำลึง มะเฟือง มาเป็นส่วนประกอบในการทำสบู่

 

Sponsored Ad

 

        ซึ่งการปลูกพืชของเราก็จะไปเชื่อมโยง แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ด้วยค่ะอันนี้เปิดตัวที่งาน organic and natural expo Thailand ซึ่งตอนนี้สบู่ของเราก็จะมีขายทางเพจเฟซบุ๊ก Organic Space Thailand และบูทงาน organic and natural expo Thailand ค่ะ เป็นการเปิดตัวสบู่ครั้งแรกเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม ตอนนี้เปิ้ลก็เริ่มมีกลุ่มเครือข่ายแม่บ้านจังหวัดสระบุรีด้วย

        ซึ่งเขาจะปลูกมะกรูดกันเยอะ เราเลยคิดว่ามันสามารถเอามาแปรรูปได้ ก็มีการรวมกลุ่มเรื่องของผลิตภัณฑ์มากขึ้น แล้วก็เอาความรู้ที่เรามีมาทำอย่างแชมพูสมุนไพรทำอะไรต่างๆ อย่างที่สาม เปิ้ลมีแบรนด์เสื้อผ้าชื่อว่า wear me natural ซึ่งอันนี้เปิ้ลจะทำงานร่วมกับวิสาหกิจชุมชนที่ภาคเหนือ ซึ่งเราก็ไปอยู่กับชาวบ้านเลย แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเรื่องสีธรรมชาติ แล้วเราก็ออกแบบให้งานเขาตัดเย็บ ย้อมแล้วก็ส่งมาให้ทางเราจำหน่าย

Sponsored Ad

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<

        ในส่วนของเสื้อผ้า เปิ้ลจะไปตั้งบูทขายตามงานต่างๆ เองแล้วก็มีขายทางอินสตาแกรม อย่างเสื้อผ้า นอกจากจะขายคนไทยแล้วก็เริ่มต่อยอดพัฒนาไปคนต่างชาติ ตอนนี้ก็มีคนญี่ปุ่นเข้ามาคุยบ้างแล้ว แต่เป็นญี่ปุ่นที่อยู่ในเมืองไทยที่เขาอยากให้คนญี่ปุ่นได้ใช้ เปิ้ลจะเริ่มพัฒนาแล้วช่วยเหลือกันเป็นกลุ่ม ซึ่งเราจะแตกผลิตภัณฑ์ไปเรื่อยๆ ซึ่งงานของเปิ้ลจะมีสแกนว่า เป็นธรรมชาติ ผสมผสานกับการให้ และรวมไปถึงการรวมกลุ่ม เพราะมันสำคัญนะคะ เราไม่ได้ก้าวไปคนเดียว เราต้องดึงคนนั้นคนนี้ให้พัฒนาไปด้วยกันและเขาก็มีชีวิตที่ดีขึ้นอะไรทำนองนี้ค่ะ

        ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้สาวนักสู้คนนี้นะคะ!

ชมคลิป...

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ข้อมูลและภาพจาก taibann

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ