เจ้าตูบถูกเจ้าของปล่อยทิ้งที่ฟาร์ม รอวันถูกเชือด แต่โชคชะตาก็ไม่ได้โหดร้ายกับมันขนาดนั้น

คอมเมนต์:

อย่างน้อยโชคชะตายังเห็นใจ

    เปิดชีวิตสุดเศร้าของ คาโม สุนัขผู้น่าสงสาร เจ้าของไม่รักและไม่ต้องการ เอาไปปล่อยทิ้งที่ฟาร์มเนื้อสุนัข รอวันขึ้นเขียง แต่ใครจะรู้ ในช่วงเวลาเลวร้าย โอกาสในการมีชีวิตใหม่ก็มาให้เห็น

    คาโม คือเจ้าตูบเพศผู้ ลูกครึ่งสายพันธุ์มอลทีส ชีวิตของมันเคยมีความสุขและดูอบอุ่นดี แต่แล้วในวันหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่คาดฝัน เจ้าของไม่รักคาโมอีกต่อไปแล้ว พวกเขาเอามันไปปล่อยทิ้งที่ฟาร์มสุนัข สถานที่สุดโหดร้ายที่สุนัขทุกตัวจะถูกนำเนื้อไปขายในตลาดค้าเนื้อสุนัข ในกรุงโซล เมืองหลวงของประเทศเกาหลีใต้ 

 

Sponsored Ad

 

    ในช่วงที่กำลังรอวันขึ้นเขียงนั้น คาโมถูกจับไปอยู่ในกรงสุดสกปรกโสโครก สภาพเลวร้ายอย่างมาก และมันต้องอยู่อย่างน่าสงสาร หิวโหยและเศร้าสร้อยวันแล้ววันเล่า เพราะทางฟาร์มแทบไม่ได้เอาน้ำและอาหารมาให้มันกิน

    คาโมกลายเป็นสุนัขที่น่าเวทนา หวาดกลัวตลอดเวลา และรอวันตายอย่างน่าสงสาร แต่ใครจะรู้ ในความมืดมิดนั้น ได้มีนางฟ้ายื่นมือเข้ามาให้มัน และชีวิตที่เศร้าของตูบตัวนี้ ก็เปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

 

Sponsored Ad

 

 

    เรื่องราวชีวิตของตูบน้อยตัวนี้ ถูกหยิบยกมารายงานโดยเว็บไซต์เดอะโดโด้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 โดยในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดนั้น คาโมลืมตาตื่นขึ้นมาและเห็นเพื่อนร่วมฟาร์มหายไปทีละตัวสองตัว พวกมันถูกจับออกไปด้านนอกและไม่กลับเข้ามาอีกเลย มันเองก็รอวันชะตาขาดอยู่เหมือนกับตัวอื่น ๆ คาโมไม่สามารถพูดได้ และไม่สามารถบอกใครได้ว่ามันหวาดกลัวมากแค่ไหน ได้แต่นอนตัวสั่นอยู่ในกรงสกปรกของมันอย่างเดียวดาย จนกระทั่งในเดือนมิถุนายน 2560 โชคชะตาของคาโม และเจ้าตูบตัวอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในฟาร์มสุนัขแห่งนี้ ก็พลิกผัน อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

 

Sponsored Ad

 

    ชายชราผู้เป็นเจ้าของฟาร์มสุนัขแห่งนี้ ได้ประกอบธุรกิจมาเป็นเวลากว่า 20 ปี แต่ในวันหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจชายชราคนนี้ ให้ย้อนกลับมามองตัวเอง มองไปยังฟาร์ม และมองไปยังสุนัขน่าสงสารมากมายที่ส่งสายตาไร้เดียงสามายังเขา เขาไม่สามารถทำใจส่งสุนัขเหล่านี้ให้ไปตายได้อีกต่อไปแล้ว และมันถึงเวลาจบสิ้นความโหดร้ายนี้แล้ว 

    ด้วยเหตุนี้เจ้าของฟาร์มจึงได้ติดต่อไปยังองค์กรช่วยเหลือสัตว์นานาชาติ (Humane Society International) แจ้งความจำนงว่าเขาต้องการยุติธุรกิจ และอยากให้ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือสุนัขภายในฟาร์มของเขา ซึ่งมีทั้งหมด 55 ตัว และคาโมคือหนึ่งในนั้น 
    ทีมเจ้าหน้าที่องค์กรได้เดินทางไปยังฟาร์ม และเห็นภาพอันบีบหัวใจ สภาพสุนัขแต่ละตัวน่าเวทนามาก สำหรับคาโมนั้น อดัม ปาราสกันโดลา หัวหน้าฝ่ายจัดการความเสี่ยงและคุ้มครองสัตว์ประจำองค์กร เปิดเผยว่า ตอนที่คาโมเห็นเขาและทีมช่วยเหลือเดินเข้ามาในฟาร์ม มันสงสัยและหวาดกลัวมาก มนุษย์ได้กลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับมันไปแล้ว เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้และอุ้มมันออกไป มันส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างหวาดกลัว 

 

Sponsored Ad

 

    สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นช่างเป็นอะไรที่สับสนมากสำหรับมัน มันถูกส่งตัวไปยังสหรัฐอเมริกา และไปอยู่ในความดูแลของมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ในรัฐเพนซิลเวเนีย ทุกอย่างดูแปลกใหม่ มนุษย์ที่นี่ดูแตกต่างออกไป ปฏิบัติกับมันอย่างแตกต่างจากฟาร์ม และมันถูกรับไปเลี้ยงโดย แซลลี มาร์กเลย์ หญิงผู้คุ้นเคยกับสุนัข เพราะเธอทำงานเป็นช่างตัดขนสุนัข แซลลีได้จัดการอาบน้ำ-ตัดขนให้กับมัน และมันเผยให้เห็นว่าคาโมผอมซูบมาก หลังจากนั้นมันก็ได้รับการดูแลอย่างดี ได้รักษาอาการบาดเจ็บ มีอาหารให้กินได้อย่างอิ่มท้อง และมีที่นอนอุ่น ๆ ให้นอน 

 

Sponsored Ad

 

    ตอนที่แซลลีและสามีรับคาโมมาเลี้ยงที่บ้านในตอนแรก ๆ มันยังหวาดกลัวอยู่มาก มันไม่รู้ว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นใคร แต่มันคงจำความรู้สึกนี้ได้ ความรู้สึกของการได้เป็นที่รักของมนุษย์ ไม่ใช่เป็นสิ่งมีชีวิตที่รอวันถูกฆ่าอยู่ในกรง และด้วยความรักความเอาใจใส่นี้ คาโมจึงเปิดใจให้กับพวกเขา และมอบความรักของมันให้กับเจ้าของคนใหม่ ยิ่งเวลาผ่านไป ตูบที่เคยอมทุกข์ก็เริ่มสดใสขึ้นเรื่อย ๆ ความสุขของมันเพิ่มมากขึ้นไปพร้อม ๆ กับเส้นขนที่งอกขึ้นใหม่ 

    นอกจากนี้แล้ว แซลลีก็รับสุนัขอีกตัวหนึ่งมาเลี้ยงพร้อม ๆ กับคาโม มันเป็นตูบสายพันธุ์ชิสุ เพศเมีย ได้รับการตั้งชื่อว่า เคซีย์ และเจ้าเคซีย์ได้กลายเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างกับคาโม แต่อย่างไรก็ตาม แม้ชีวิตคาโมจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ความกลัวในอดีตยังคงอยู่

 

Sponsored Ad

 

    "ฉันคิดว่าคาโมยังคงไม่ลืมช่วงเวลาร้าย ๆ ในอดีตของมัน มันจะอยู่ในที่โล่งที่มองเห็นพื้นที่รอบ ๆ เท่านั้น และไม่กล้าเข้าไปในที่แคบ หรือที่ที่ปิดทึบ ตอนแรกเราตั้งชามน้ำเอาไว้ในครัว แต่มันไม่กล้าเข้าไปเลย เพราะมันไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น และกลัวว่าจะถูกขังอีก เราจึงเอาชามน้ำมาวางไว้ในห้องกินข้าวแทนค่ะ อีกเรื่องก็คือ มันจะดูกลัวและสับสนมาก ถ้าเราเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ เราจึงไม่ย้ายค่ะ เอาทุกอย่างไว้อย่างเดิม" แซลลี กล่าวถึงชีวิตใหม่ของคาโม ในบ้านของเธอและครอบครัว 

Sponsored Ad

    แซลลี เปิดเผยว่า เธอจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้คาโมได้มีความสุข และหนีพ้นจากความทุกข์ในอดีตของมัน เธอจะมอบความรักให้มัน และดูแลให้มันสบายที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้เพื่อตูบน้อยตัวนี้ และในปัจจุบัน เวลาผ่านพ้นไป 1 ปี คาโมและเคซีย์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของแซลลีไปเรียบร้อยแล้ว และเธอกล่าวว่า เธอคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพวกมัน เพราะเธอรักพวกมันเหลือเกิน 

    แซลลี กล่าวอีกว่า เธออยากให้ผู้คนช่วยเหลือและอุปการะสุนัขน่าเวทนาอย่างคาโมและเคซีย์ เพราะมันจะเป็นการมอบชีวิตใหม่ให้กับสิ่งมีชีวิตตัวน้อย ๆ พวกมันน่าสงสาร เศร้า และหวาดกลัว และมันพร้อมที่จะมอบความรักให้มนุษย์เสมอ ถ้าหยิบยื่นโอกาสให้กับพวกมัน 

ข้อมูลและภาพจาก Sally Markley  /Humane Society International  /thedodo/kapook

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ