19 ปี ลวงโลกดินแดนลี้ลับ "ผีเปรต อาจารย์กู้" เรื่องต้มตุ๋นบนเกาะ "คำชะโนด"

คอมเมนต์:

19 ปี ลวงโลกดินแดนลี้ลับ "ผีเปรต อาจารย์กู้" เรื่องต้มตุ๋นบนเกาะ "คำชะโนด"

    ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่ค่อยจะติดตามข่าวสารโดยเฉพาะด้านศาสตร์แห่งความเชื่อ และสิ่งลี้ลับในดินแดนสุดซับซ้อนเกินกว่าคนธรรมดาๆอย่างเราจะเข้าถึง ก็คงไม่รู้ที่ไปที่มาของเกาะคำชะโนด ณ บ้านคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ว่ามันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างไร? ทำไมเพิ่งมามีชื่อเสียงโด่งดังในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะภายหลังละครเรื่อง "นาคี" ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง บทละครสอดคล้องกับสถานที่ ประกอบกับชาวบ้านที่ศรัทธา เชื่อกันว่าบริเวณนั้นเป็นประตูทาง เข้า-ออก ของเมืองลับแล คล้ายเดินเข้าไปในเกาะ เพราะมีน้ำล้อมรอบ และต้นชะโนดขึ้นเต็ม รวมไปถึงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 

 

Sponsored Ad

 

    ในขณะเดียวกัน หลายๆ คนคงจะชินหูกับคำว่า "ผีเปรต อาจารย์กู้" แต่บางคนอาจไม่รู้ถึงที่ไปที่มาว่า เปรตอาจารย์กู้ เกิดขึ้นมาจากไหน อย่างไร? เพราะเรื่องราวดังกล่าวผ่านมากว่า 19 ปีแล้ว แต่หลายๆ คนคงทราบดีว่า สถานที่ที่เป็นตำเรื่องสร้างผีเปรต ได้กำเนิดเกิดขึ้นที่ "เกาะคำชะโนด" อุดรธานี บริเวณเดียวกันกับกองถ่ายละคร "นาคี" ได้มาถ่ายทำเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมานี้เอง ...... เพียงแค่ว่า ละครเรื่อง "นาคี" นำเสนอจงใจถ่ายทอดออกมาเป็นบทละครสร้างความบันเทิง เชื่อมโยงเรื่องราวลี้ลับในเกาะคำชะโนด แต่ในขณะเดียวกัน "เปรตอาจารย์กู้" เมื่อ 19 ปีก่อน จงใจสร้างกระแสหลอกลวง สร้างผีเปรตขึ้นมาตบตาคนทั้งประเทศ ป่าวประกาศบอกใครๆ ว่า "ผีเปรตมีจริง ในคำชะโนด" ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ก็ได้สร้างผีลวงๆ ออกมาต้มตุ๋นชาวบ้าน กระทั่งถูกตำรวจจับเพราะมีหลักฐานชัดเจน 

 

Sponsored Ad

 

    ที่ผ่านมาได้นำเสนอเรื่องราวบนเกาะคำชะโนด โดยเฉพาะด้านความศักดิ์สิทธิ์ ความเชื่อถือศรัทธาของชาวบ้านเมืองอุดรธานี ที่มีต่อ "เจ้าปู่ศรีสุทโธ" ซึ่งทั้งหมดเป็นความลี้ลับที่ยังไม่มีใครใช้วิทยาศาสตร์เข้าไปพิสูจน์อย่างจริงจัง ส่งผลให้ขณะนี้คำชะโนด โด่งดังติดลมบน กลายเป็นเกาะแห่งการใบ้หวย มีนางรำร่างทรง เป็นตัวกลาง บอกเลขเด็ดจนชาวบ้านพากันไปเสี่ยงดวง สมหวัง ผิดหวัง ผสมกันไป ถึงกระนั้นก็ตามที ก็ไม่มีใครกล้าลบหลู่ในสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ ...... จึงนำเรื่องราวที่เคยพิสูจน์ได้แล้วว่า "หลอกลวง ต้มตุ๋นชาวบ้าน" จริงแท้แน่นอน ย้อนกลับมาให้ได้อ่านและใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล 

 

Sponsored Ad

 


ที่มาของ "เปรต อาจารย์กู้" อ้างปาฏิหาริย์ประโคมข่าว 

    "เปรตกู้" เคยปรากฏเป็นข่าวดัง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2543 ขณะที่ทางหนังสือกระจายข่าว มีผู้บันทึกวิดีโอของเปรตได้ ณ ป่าคำชะโนด อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี รวมทั้งปาฏิหาริย์ต่างๆ ในป่าแห่งนี้  เช่น การตักบาตรกับต้นไม้โดยรุกขเทวดา ซึ่งจะได้เป็นข้าวมธุปายาส เป็นต้น เมื่อวิดีโอชุดนี้ได้เผยแพร่ออกไป มีบุคคลจำนวนหนึ่งเชื่อในทันที เฉกเช่น พ.อ.นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา นักพูดชื่อดังระดับประเทศ ทำให้การยืนยันการันตีว่า "ผีเปรต" ในเกาะคำชะโนด มีอยู่จริงเริ่มแพร่สะพัดสร้างความน่าเชื่อถือขึ้นเรื่อยๆ 

 

Sponsored Ad

 

    นั่นเพราะ คณะของ "พ.อ.นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา" ได้เป็นคนเดินทางไปถ่ายภาพเปรตที่กลางป่า และสามารถบันทึกวิดีโอได้ โดยมีรูปร่าง “คล้ายคนแต่แขนยาวมือยาว” เสริมทัพด้วย พระพยอม กัลยาโณ ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี ก็ออกมาพูดว่าเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากที่เห็นในภาพวิดีโอ กระทั่งนำมา เทศนา ณ ท้องสนามหลวง ในงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดยพระคุณเจ้า พยายามเน้นย้ำเตือนถึงบาป บุญ คุณ โทษ และกล่าวทำนองว่า "เปรตมีจริง" จึงทำให้ประชาชนพากันหลงเชื่อว่า "เกาะคำชะโนด มีผีเปรต" อาศัยอยู่  

 

Sponsored Ad

 

โกหกไม่เนียน ถูกจับผิดจากภาพถ่าย "ผีเปรต ลวงโลก" 

    นายสันติธร หุตาคม หรือ “โจ๋ย บางจาก” ช่างภาพและเจ้าของรายการสารคดีชื่อดัง “ส่องโลก” โดยมีการทดลองจากกล้องดิจิทัล อินฟราเรด ยี่ห้อโซนี่ 180 เอ็กซ์ และกล้องดิจิทัล ดีเอ็กซ์ 1000 ที่สามารถถ่ายไนต์ชอตได้ ซึ่งกล้องอินฟราเรด ถ่ายออกมาจะต้องมีลำแสงปรากฏชัดในจอ จึงสันนิษฐานว่า ภาพถ่ายผีเปรตไม่ได้ถ่ายด้วยกล้องอินฟราเรด และเมื่อทดลองกับกล้องไนต์ชอตใช้ความเร็วสปีดต่ำ โดยใช้คนเป็นนายแบบหน้ากล้อง ภาพที่ปรากฏจะไหวคล้ายผี

 

Sponsored Ad

 

    “ภาพที่พบมีความผิดสังเกตหลายอย่าง เช่น ม้วนเทปผ่านการก๊อบปี้หลายครั้ง พบลักษณะมีการตัดต่อภาพในแต่ละเฟรม ส่วนภาษาที่ได้ยินคือ ภาษา “ดูโมส” หรือภาษาเทวดา ซึ่งเคยได้พบการใช้ภาษานี้ในระหว่างการทรงเจ้า” ช่างภาพชื่อดังกล่าว 

    จากคำพูดของช่างภาพมืออาชีพ ทำให้ พ.อ.นพ.พงศักดิ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ตนเองได้มีการท้าพิสูจน์กับเรื่องนี้ โดยได้เดินทางไปที่คำชะโนด พร้อมอาจารย์ด้านจิตวิญญาณท่านหนึ่ง หากสามารถถ่ายภาพวิดีโอได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการบรรยายเรื่องธรรมะ เมื่อถ่ายภาพดังกล่าวมาได้ จึงมีการทำซ้ำถึง 30 ชุด และนำไปขอความเห็นจากผู้ใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ 

Sponsored Ad

ผู้ใหญ่บ้านแฉ "อาจารย์กู้ จอมอาคมเจ้าอภินิหาร ที่แท้แค่นักต้มตุ๋น"

    18 พ.ค.43 นายทรงยุทธ การพานิช ผู้ใหญ่บ้าน ต.พังตรุ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี กลายเป็นผู้เปิดโปง ระบุว่า "อาจารย์กู้" คือ นายกิตติ ปภัสโรบล บ้านเกิดอยู่ที่ ต.หนองกลางนา อ.เมืองราชบุรี บิดาชื่อ กล้วย มารดา ชื่อ จ่อย ปภัสโรบล ย้อนไปประมาณปี 2535-2537 อาจารย์กู้จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์วิปัสสนากาญจนาเมตตาธรรม หมู่ 4 ต.หนองตากยา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ตลอดเวลาที่จำพรรษาได้ปฏิบัติตนเป็นพระผู้มีวิชาอาคมสูง แสดงอภินิหารต่างๆ เมื่อชาวบ้านบางคนรู้ จึงได้เข้าแจ้งความกับตำรวจในพื้นที่

    “นายกิตติ ปภัสโรบล มีนามสกุลเดิมว่า “ขาสังข์” เป็นนักต้มตุ๋นหลอกชาวบ้านยันทหารยศนายพล พฤติกรรมคือ ทำเหมือนบวชพระ หลอกดูดวงชะตา เพื่อให้คนศรัทธาถวายเครื่องสังฆทาน เงินทอง แต่เมื่อตกกลางคืนกลับกลายเป็นว่า "เปลี่ยนเสื้อผ้าเที่ยวคาเฟ่" ส.ต.ต.อานนท์ พรานมนัส เจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการ จ.ราชบุรี (ขณะนั้น) กล่าว


"อาจารย์กู้ ถูกรวบคาโรงแรม ยังแถโชว์อาคมต่อหน้าสื่อ" 

    ตำรวจกองปราบปรามสามารถรวบตัว นายกิตติ หรือ อ.กู้ ได้ที่ โรงแรมชื่อดังย่านรัชดาฯ หลังจากมีชาวบ้านมาแจ้งความไว้ โดยอ.กู้ ได้ปฏิเสธข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ วันต่อมา นายตำรวจระดับสูง ได้นำตัว “อาจารย์กู้” มาท้าพิสูจน์อิทธิฤทธิ์เสก “ก้อนดิน” ในมือตำรวจ ให้เป็นอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ต่อหน้าสื่อมวลชน และลูกศิษย์ รวมถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังคนที่ศรัทธาอาจารย์กู้เป็นอย่างมากด้วย อาจารย์กู้จึงมีการเปลี่ยนชุด นุ่งผ้าขาวเพียงผืนเดียว ก่อนประกอบพิธี โดยมีหม้อดิน ธูป 58 ดอก เทียน 6 เล่ม พร้อมกับท่องคาถาร่ายมนตร์ อาจารย์กู้พยายามประกอบพิธีเสกดินอย่างต่อเนื่อง รวม 4 รอบ สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ...ก่อนจะอ้างว่า “เสียงโทรศัพท์มือถือ และชัตเตอร์กล้องถ่ายรูป ทำให้ขาดสมาธิ”

ยอมรับโดยดี สิ่งที่ทำไป จัดฉากต่อหน้าสื่อ 

    กระทั่งเวลา 17.00 น. วันที่ 5 พ.ค. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ผกก.2 กองปราบ (ขณะนั้น) นำนายกิตติ หรืออาจารย์กู้มาพบสื่อมวลชนอีกครั้ง คราวนี้ อาจารย์กู้ยอมเปิดเผยทุกอย่างอย่างหมดเปลือกด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า อยากจะให้หยุดเสนอข่าวได้แล้ว เพราะทำให้บรรดาพี่น้องและลูกหลานของผมได้รับความเดือดร้อน และได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

“เรื่องเปรตมีปรากฏจริงในพระไตรปิฎกเท่านั้น แต่ที่ผมทำลงไปไม่ใช่เรื่องจริง เป็นการจัดฉากขึ้นทั้งนั้น เป็นการแสดงทั้งสิ้น แต่ก็เพื่อให้พวกนักการเมืองโกงชาติบ้านเมืองได้รู้ว่าบาปบุญคุณโทษมีจริง”

    พ.ต.อ.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบก.ป. แจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์กู้ ในข้อหาหมิ่นเหยียดหยามพุทธศาสนา ซึ่งในเวลาต่อมา 25 ก.ย.44 ศาลชั้นต้นพิพากษา ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาท แต่คำสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท แต่เนื่องจากไม่เคยทำผิดมาก่อน และมีภาระต้องดูแลบุตร จึงให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุก รอลงอาญาไว้ 2 ปี 

    หลังศาลอ่านคำพิพากษา นายกิตติ ยอมรับว่า ชีวิตตกอับ ตอนนี้ขายเสื้อผ้ามือสองที่รับมาจากเขมร และขอเลิกยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์ 14 มี.ค.46 ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกฟ้อง ต่อมา วันที่ 5 ก.ค.50 ศาลฎีกา พิพากษา ให้ยืนคำพิพากษาตามศาลชั้นต้น ทุกอย่างจึงจบลง เหลือไว้แต่ตำนานข่าวดัง “เปรต อาจารย์กู้” บ้านคำชะโนด 

ยังไม่เข็ด ปลายปี 2554 แอบอ้างร่างทรงลวงเหยื่อจ่ายเงินค่าครูกว่า 3.2 แสนบาท

    เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2544  เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าจับกุมตัว นายกร ปัสโรบล หรืออาจารย์กู้ หรืออาจารย์กิตติ ที่บ้านพักย่านทุ่งสองห้อง หลังนางสาวเกศรินทร์ เขจรจิต แจ้งจับฐานหลอกลวงให้เสริมดวงชะตา และต้องสูญเงินกว่า 320,000 บาท

    ผู้เสียหายให้การว่า อาจารย์กู้อ้างตนเป็นร่างทรงปู่ฤาษีตาไฟ และเป็นผู้มีพลังวิเศษ สามารถดูดวงและเสริมดวงชะตา เปลี่ยนตัวเลขลอตเตอรี่ให้เป็นรางวัลใหญ่ได้ เสกกระดาษให้เป็นเงิน ทำให้สามีรักสามีหลง และที่ทำให้เชื่อว่าอาจารย์กู้ มีพลังวิเศษ เนื่องมาจากการสแกนหน้าบิดาตนเอง แล้วปริ้นท์มาให้ดูทำให้หลงเชื่อ จึงยอมเสียเงินจำนวนดังกล่าว แต่เมื่อเวลาผ่านไปชะตาชีวิตไม่ดีขึ้น จึงไปทวงเงินคืนแต่อาจารย์กู้ปฏิเสธ จึงเข้าแจ้งความ

    ขณะที่อาจารย์กู้ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่า เสริมดวงชะตาให้กับผู้เสียหายจริง โดยรับเงินมาแค่ 100,000 บาท และคืนเงินไปแล้ว 90,000 บาท คงค้างไว้เพียง 10,000 บาทเท่านั้น

    เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยอาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง โดยก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2543 อาจารย์กู้ เคยเป็นข่าวถูกจับลักษณะเดียวกันมาแล้ว ในคดีเปรตกู้ โดยหลอกว่ามีเปรตที่ป่าคำชะโนด อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี และมีการหลอกทำพิธีต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีคดีที่ยกฟ้อง และคดีหมิ่นประมาท ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี 3 เดือน แต่ไม่เคยกระทำผิดมาก่อน จึงให้รอลงอาญา

ความงมงาย พิสูจน์ได้แน่ๆ แต่ใครจะกล้าลบหลู่ความเชื่อ

    สังคมไทยทุกวันนี้เรื่องบางเรื่องมันก็งมงายเกินขอบเขตไป โดยเฉพาะร่างทรงองค์เจ้า ที่ต่างก็พากันสร้างเรื่องดึงของสูงลงตำ่ ชักชวนให้ชาวบ้านงมงายเอาข้าวของเงินทองมาถวาย กลายเป็นแก๊งต้มตุ๋นมิจฉาชีพ .....ไหนจะเรื่องอื่นๆ ที่ชาวบ้านตาดำๆ พากันคิดไปเองว่า "ผีสางเทวดา สิ่งลี้ลับ มีอยู่จริง" เลขเด็ด เลขดัง การใบ้หวยจากทั่วสารทิศ ทั้งหมดทั้งปวงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล ห้ามกันไม่ได้ เตือนกันไม่ได้ ยุยงให้เชื่อก็ไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าต่างฝ่ายต่างก็ต้องเจอบทเรียนที่ประสบด้วยตนเอง เหมือนดังเรื่องจริงที่ทางทีมข่าวได้เอามานำเสนอในครั้งนี้.

ข้อมูลและภาพจาก thairath

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ