อัปเดต "เจ้าตูบเขาค้อ" นั่งหงอย รอเจ้าของอยู่ริมถนน ไม่ยอมให้ใครจับ ได้พลังโซเชียลหาเจ้าของเจอ

คอมเมนต์:

ดีใจด้วยนะ ในที่สุดก็ได้กลับบ้านอยู่กับเจ้าของแล้ว!

    เรื่องของสุนัขสีขาว เพศเมีย ที่ถูกพบอยู่บริเวณริมถนนทางขึ้นไปยังเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ คอยชะเง้อมองรถทุกคันนั้น สร้างความเศร้าใจให้แก่คนรักสัตว์ และพยายามช่วยกันตามหาเจ้าของให้มารับตัวกลับไปนั้น (อ่านเพิ่มเติม : "เจ้าตูบ" อยู่โดดเดี่ยวริมถนนเขาค้อ หันมองรถทุกคัน เหมือนเฝ้ารอเจ้าของกลับมา)

    โดยจุดที่พบเจ้าตูบนั้น ค่อนข้างจะห่างไกลผู้คน จึงไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตูบถูกเจ้าของปล่อยทิ้งไว้ หรือแค่พลัดตกลงมาจากรถ แม้เวลาจะผ่านไปหลายวันก็ยังคงมีผู้พบเห็นเจ้าตูบอยู่ที่จุดเดิม หลายคนสงสารนำน้ำและอาหารมาให้ เจ้าตูบก็ดูไม่ไว้ใจและไม่ยอมให้ใครจับ ยิ่งคนเข้าใกล้ยิ่งวิ่งหนี

 

Sponsored Ad

 

    ล่าสุดพลเมืองดี นายองอาจ ลานจันทร์ ที่เป็นผู้นำน้ำและอาหารมาให้เจ้าตูบ ได้เปิดใจว่า ตนได้นำเรื่องราวของเจ้าตูบไปปรึกษาสัตว์แพทย์และลงความเห็นว่าให้ผสมยาคลายเคลียดไว้ในอาหารมาให้ เพื่อจะได้จับตัวสุนัขได้ แต่เมื่อตนมาถึงที่จุดเดิมที่เคยพบสุนัข ก็ปรากฏว่าเจ้าตูบหายตัวไปแล้ว พร้อมกับถ้วยใส่น้ำและเสื้อที่ปูไว้ให้นอน คาดว่าเจ้าของมารับกลับไปแล้ว

 

Sponsored Ad

 

พลเมืองดี นายองอาจ ลานจันทร์

    ไม่นานหลังจากนั้น นางพัชรียา ศรีธรรมา อายุ 40 ปี เจ้าของสุนัข "เจ้าไวท์" ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนเคยเลี้ยงเจ้าไวท์ในบ้านที่หมู่บ้านแถววัดเข็กน้อย อ.เขาค้อ กระทั่งจำเป็นต้องปรับปรุงพื้นที่ปลูกผักที่บ้าน จึงนำเจ้าไวท์มาให้พี่สาวดูแล บ้านพี่สาวอยู่ใกล้พื้นที่ปลูกผัก และตนก็กลับไปทำงานที่บ้านอยู่ 3 วัน

    กระทั่งได้มาเห็นเรื่องราวของเจ้าตูบเขาค้อในเฟซบุ๊ก รู้สึกแปลกใจว่าทำไมคล้ายสุนัขของตัวเอง เมื่อมาดูที่บ้านพี่สาวถึงรู้ว่าเจ้าไวท์หายตัวไป เลยขับรถมาตามแถวที่มีคนแจ้งว่าพบเจ้าไวท์ ประมาณห่างจากแปลงผัก 3 กิโลเมตร ก็พบว่าเป็นสุนัขของตนจริงๆ

 

Sponsored Ad

 

    โดยทันทีที่เห็น เจ้าไวท์ก็กระโดดเข้ามากอดพร้อมส่งเสียงครางหงิงๆ จากนั้นตนจึงได้พาเจ้าไวท์กลับบ้าน ซึ่งมันก็ไม่อยู่ห่างตัวเธอและสามีเลย จะเดินตามแทบทุกฝีเก้า

    ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุที่เจ้าไวท์ไปอยู่บริเวณนั้น คงเพราะถูกสุนัขของพี่สาวไล่จึงวิ่งหนีมา ประกอบกับตนไม่อยู่บ้าน จึงไม่รู้เรื่องที่เจ้าไวท์หายตัวไป กระทั่งมาพบเรื่องราวได้เพราะพลังโซเชียล

ที่มา : ข่าวช่องวัน

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ