"ทิ้งอาชีพครู" มา “รับจ้างซื้อของ” แต่กลับได้เงิน เดือนนึงเกือบ 300,000 ลั่นไม่เคยเสียใจที่ต้องทำอาชีพนี้!

คอมเมนต์:

ปีนึง 3 ล้านกว่า เลยนะเนี่ยย ไม่ธรรมดาจริงๆ

ทิ้งอาชีพครูมา “รับจ้างซื้อของ” ได้เงินปีละกว่า 3 ล้าน!!!

      ตัดสินใจลาออกจากอาชีพครู ซึ่งมีเงินเดือนมั่นคงมา 20 ปี เพื่อมา “รับจ้าง” ตระเวนซื้อของให้ชาวบ้าน อาจฟังดูเป็นการตัดสินใจที่ไร้สาระ แต่ปรากฏว่า นี่คือการตัดสินใจที่ “เอ็ด เฮนเนสซี” อดีตครูโรงเรียนมัธยมศึกษาในเมืองโอวีเอโด รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา รู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต และทำให้รู้สึกด้วยว่าเขาเดินมาถูกทางแล้ว


 

Sponsored Ad

 

      ทั้งนี้ จากรายงานข่าวของซีเอ็นเอ็น ที่นำเสนอเรื่องราวของเอ็ด เฮนเนสซี อดีตครูโรงเรียน โอวีเอโด ไฮสคูล เล่าว่า ตั้งแต่เป็นครูสอนหนังสือมา 20 ปี นายเฮนเนสซีเล่าว่า เขาไม่เคยมีรายได้เกินกว่าปีละ 50,000 ดอลลาร์ หรือราว 1,625,000 บาท

      และด้วยรายได้จำนวนแค่พออยู่พอกิน ทำให้เฮนเนสซีต้องใช้ชีวิตแบบกระเบียดกระเสียรมาก เพื่อให้แต่ละเดือนสามารถจัดสรรเงินได้อย่างลงตัวในการดูแลปากท้องของตัวเอง และลูกๆ อีก 2 คน แล้วยังมีหนี้ที่กู้มาตอนสมัยเรียนระดับมหาวิทยาลัย ที่ยังต้องผ่อนชำระอยู่อีกจำนวนหนึ่ง

 

Sponsored Ad

 

      ด้วยฐานะการเงินที่แทบชักหน้าไม่ถึงหลังในแต่ละเดือน ทำให้เฮนเนสซีต้องดิ้นรนหาทางสร้างรายได้เพิ่ม และทำให้เจ้าตัวลองเจียดเวลาว่างไปทำงานเป็นคนรับจ้างซื้อของให้กับเว็บไซต์ “Shipt” ซึ่งเป็นเว็บรับส่งสินค้า ของใช้ประจำวัน

      เมื่อปี 2558 แล้วตัวเขาเองก็พยายามจัดระบบ ระเบียบ พัฒนาระบบการทำงานและฐานลูกค้า จนกระทั่งอีก 2 ปีต่อมา คือปี 2560 ทำให้เขามั่นใจว่า เขาจะต้องทำรายได้จากอาชีพนี้ มากกว่าอาชีพครูแน่ๆ เขาจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการลาออกจากอาชีพครูเมื่อปี 2560 เพื่อมาทำอาชีพรับจ้างซื้อของแบบเต็มเวลา

 

Sponsored Ad

 


      “ผมมีรายได้ปีละกว่า 100,000 ดอลลาร์ หรือราว 3,250,000-3,500,000 บาท ซึ่งมากเป็น 2 เท่าจากรายได้ตอนที่ผมเป็นครู” เฮนเนสซี บอกกับซีเอ็นเอ็น

      ทุกวันนี้ เฮนเนสซีซึ่งตื่นมาทำงานด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข เล่าว่า เขาจะใช้เวลาอยู่ในรถยนต์เป็นส่วนใหญ่เพื่อเสิร์ชหาเส้นทางไปยังซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ เพื่อซื้อของกินของใช้แล้วนำไปส่งให้ลูกค้า

 

Sponsored Ad

 

      ถึงแม้ว่ากว่า 1 ปีที่ผ่านมา เฮนเนสซีต้องทำงานอย่างไม่มีวันหยุด และยังไม่เคยมีโอกาสหยุดพักร้อนไปเที่ยวที่ไหน แต่เจ้าตัว ก็เล่าว่า การทำงานสัปดาห์ละเกือบ 50-60 ชั่วโมงอยู่ที่บ้าน อยู่บนรถ อยู่บนถนน และจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์มือถือ มันก็ทำให้เขารู้สึกสบายใจ มีความสุขมาก

      “มันรู้สึกผ่อนคลาย ผมต้องออกจากบ้าน อยู่นอกบ้านทุกวัน ผมได้เห็นผู้คน และได้เป็นเจ้านายตัวเอง นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากจะเป็น”


      ฟังดูเหมือนไม่ยากเลยเนอะ

      นี่ล่ะมั้งที่ใครเขาว่า เมื่อไรก็ตามที่เรารู้สึกมีความสุขกับการทำงาน วันเวลาแต่ละวันมันจะผ่านไปแบบชิลชิล ราวกับงานคือส่วนหนึ่งของชีวิต ซึ่งเฮนเนสซี อาจเป็นคนหนึ่งที่โชคดี ที่หาเจอแล้ว

ข้อมูลและภาพจาก sentangsedtee

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ