หนุ่มตาบอดพา"สุนัขนำทาง"นั่งกินข้าวในร้านอาหาร แต่กลับถูกไล่ให้ออกไปนั่งกินข้าวข้างถนน

คอมเมนต์:

ควรจะทำอย่างไงดีเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ ?

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ หลี กว้าน หลิง ศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสำหรับคนพิการทางสายตาของประเทศไต้หวัน ได้นำเรื่องราวที่ได้เจอมาโพสต์ระบายบนโซเชียล นายหลีถูกตรวจพบว่าเส้นประสาทมีปัญหา ทำให้ตาข้างขวาสามารถมองเห็นได้เพียง0.02%เท่านั้น ส่วนตาข้างซ้ายมองเห็นแต่แสงลางๆ แต่เนื่องจากอาการมารุ่นแรงตอนเรียนตอนเรียนชั้นป.3 ทำให้นายหลียังคุ้นเคยกับสภาพรอบๆบ้าน ทำให้หลายครั้งเขาถูกหาว่าแกล้งทำเป็นตาบอด

    เมื่อไม่นานมานี้ นายหลีได้พาสุนัขนำทางชื่อ "ED" ไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง แต่ถูกลูกค้าคนหนึ่งของร้านใช้คำพูดที่ไม่สุภาพ ทำให้เขาทุกข์ใจอย่างมาก

 

Sponsored Ad

 

    โดยเรื่องมีอยู่ว่า มีคุณแม่ของเด็กน้อยคนหนึ่งตะโกนมาแต่ไกลว่า "ลูกฉันกลัวสุนัข รีบหนีไปให้ห่าง" ขณะที่นายหลีกำลังจะยืนขึ้นเพื่ออธิบายนั้น แม่ของนายหลีจึงยืนขึ้นอธิบายให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจว่า "นี้เป็นสุนัขนำทางไม่ดุร้าย ไม่ทำให้หนูน้อยตกใจหรอคะ พวกคุณตะโกนเสียงขนาดนี้มันเสียมารยาทนะคะ"  พ่อของเด็กน้อยจึงเดินมาด้วยอาการมึนเมาแล้วพูดว่า "นี่เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ไม่เกี่ยวอะไรกับการเสียมารยาทเลย พวกเธอไม่มีสิทธินั่งตรงนี้ ลูกของฉันกลัวสุนัข" และยังเดินมาคว่ำแก้วที่วางไว้บนโต๊ะของเราอีกด้วย ทำให้เจ้าของร้านอาหารรีบออกมาพูดเกลี้ยกล่อมฝ่ายตรงข้ามนั้น และบอกว่าจะหาที่นั่งใหม่ให้กับเรา

 

Sponsored Ad

 

    คุณแม่ของนายหลีโกรธมาก และยังบอกอีกว่าเพราะเด็กกลัวสุนัข จึงต้องมานั่งกินข้าวข้างถนนแทน พี่สาวของนายหลีที่นัดกันไว้ก็มาถึงพอดีเห็นหางของ ED ล้ำออกนอกถนนแล้ว  ยังถามอีกว่า"ทำไมมานั่งตรงนี้ละแม่?"

    แม่ลุกขึ้นไปเพื่อสั่งอาหาร แต่ไปนานกว่า 20 นาที เมื่อเดินกลับมา แม่จึงบอกว่าพ่อของเด็กน้อยคนนั้นยังไม่จบ ด่าว่า "ช่างหัวของพวกเขาสิว่ามันจะเป็นสุนัขอะไร?  สุนัขตัวใหญ่ขนาดนั้นมันจะทำให้ลูกของฉันตกใจนะ"  แม่จึงตอบว่า "นี่พวกเราก็ย้ายที่นั่งแล้ว ยังมีพูดอะไรแบบนี้อีกทำไม? ลูกของเธอมีผลกระทบอะไร แต่ฉันว่าลูกของฉันกำลังได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากกว่านะ ใครอยากจะพาสุนัขนำทางตัวใหญ่ออกไปไหนมาไหน ถ้าตาไม่บอด พวกคุณไม่มีน้ำใจเลย" แม่ของนายหลีรู้สึกโกรธมาก

 

Sponsored Ad

 

    นายหลีเข้าใจว่าก่อนหน้านี้พี่สาวของเขาเองก็เป็นโรคกลัวสุนัขเหมือนกันกว่าจะทำใจยอมรับสุนัขนำทางได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน ถึงจะไม่กลัวED แต่ก็หวังว่าฝ่ายตรงข้ามน่าจะเข้าใจเพื่อนๆที่ตาบอดจำเป็นต้องใช้สุนัขนำทาง

    นายหลียังบอกว่าเคยไปนั่งรถไฟฟ้าแล้วนั่งตรงที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษ จู่ๆก็มีหญิงคนหนึ่งเรียกให้ผมยืนขึ้น แล้วพูดว่า "นี่พ่อหนุ่มตาดีๆทำไมต้องแกล้งทำเป็นตาบอด" ทำให้ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง

 

Sponsored Ad

 

    สุดท้ายอยากจะขอให้เพื่อนๆทุกคนที่พบเห็นคนพิการทางสายตานำสุนัขนำทางมาก็ขอให้เข้าใจพวกเขาเหล่านั้นด้วยว่ามีความจำเป็นที่ต้องพึ่งพาสุนัขนำทางจริงๆ หรืออาจถามได้ว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม?

    พี่สาวนายหลีจึงได้ถ่ายรูปโพสต์ถามเพื่อนชาวเน็ตว่า ควรจะทำอย่างไงดีเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ ?

เรียบเรียงโดย โลกของโฮ่ง

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ