หนุ่มทิ้งไข่ดิบไว้ในรถ เพื่อพิสูจน์ว่าทำไม เราไม่ควรทิ้ง "สุนัขและเด็ก" ไว้ในรถ

คอมเมนต์:

อย่าคิดว่าทิ้งไว้ 10-15นาที ไม่เป็นไร

    ปัญหาเรื่องสัตว์เลี้ยงถูกทิ้งไว้บนรถ มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ และบางครั้งลงเอยด้วยความสูญเสียซะด้วย… เราอาจจะคิดว่าการที่เราปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดอยู่กลางแจ้งซัก 15 นาทีคงจะไม่เป็นไร แต่อันที่จริงแล้วนี่เป็นการกระทำที่อันตรายสามารถทำให้สัตว์เสียชีวิตได้

เขาได้ทิ้งไข่ดิบใส่กระทะและเทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิไว้ในรถ

     ด้วยเหตุที่ชายหนุ่มคนหนึ่งอยากจะทำโครงการรณรงค์ให้เข้าถึงคนที่เห็น ว่าการทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถตอนแดดร้อน แม้เพียงระยะสั้นๆ ก็เป็นอันตราย เขาจึงนำไข่ดิบมาเป็นสิ่งทดสอบในครั้งนี้ 

 

Sponsored Ad

 

    ตามข้อมูลจากองค์กร PETA สุนัขหลายตัวต้องทนทุกข์กับการที่เจ้าของทิ้งมันไว้ในรถขณะที่พวกเขาทำธุระ ในวันที่อากาศปกติประมาณ 25 องศาเซลเซียส และมีแดดทั้งวัน อุณหภูมิในรถสามารถที่จะพุ่งทะยานถึง 37-48 องศาเซลเซียสได้โดยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที

ความร้อนภายในรถนั้น ทำให้ไข่ไก่เริ่มสุก ในระยะเวลาไม่นาน

 

    ส่วนในเมืองร้อน ยิ่งอากาศอุณหภูมิประมาณ 32 องศาเซลเซียส เพียงแค่ทิ้งรถไว้ไม่ถึง 10 นาที อุณหภูมิก็สามารถพุ่งไปถึง 71 องศาเซลเซียสในเวลา 10 นาทีได้เช่นกัน 

 

Sponsored Ad

 

ไม่ถึง 15 นาที ไข่ดิบก็กลายเป็นไข่สุกที่ทานได้แล้ว!!

 

    ผลจากการทดลองดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ในรถแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถที่จะทำให้สัตว์เลี้ยงเสียชีวิตได้ แม้ว่าจะเปิดกระจกเล็กน้อย แต่บางครั้งก็ไม่เพียงพอต่อการลดอุณหภูมิในรถ

 

Sponsored Ad

 

สุนัขบางตัวถึงกับต้องตะกุยเพดานรถเพื่อระบายอากาศ

 

    ด้วยอุณหภูมิสูงขนาดนี้สามารถสร้างความเสียหายถาวรต่อสมองหรือเป็นผลทำให้เกิดอาการชักเพราะลมแดด (Heatstroke) ได้ในขณะที่อยู่ในรถ วิธีเดียวที่พวกมันจะระบายความร้อนได้ขณะอยู่ในรถคือเหงื่อที่ออกทางอุ้งเท้าของพวกมัน

Sponsored Ad

    นอกจากนี้องค์กร PETA ยังได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในวันที่อากาศร้อนนั้น ทางเท้าที่ตากแดดก็สามารถเป็นอันตรายต่ออุ้งเท้าของสัตว์ได้เช่นกัน ดังนั้นหากมีความจะเป็นที่ะต้องพามันเดินบนทางเท้าก็ควรที่จะใส่รองเท้าสำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อเป็นการป้องกันเท้าของพวกมันด้วย

    แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่นี่ก็สามารถเป็นอันตรายต่อสุนัขได้ ป้องกันไว้ก่อนจะกลายเป็นเรื่องเศร้ากันดีกว่าเนอะ…

ที่มา : boredpanda

บทความที่คุณอาจสนใจ