สุนัขกับการดมกลิ่นนั้นเป็นของที่คู่กัน และจมูกของสุนัขยังมีความพิเศษกว่าสัตว์เลี้ยงชนิด  ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งการดมกลิ่นอีก สามารถดมกลิ่นสัตว์เลี้ยงได้ นอกจากนี้ยังสามารถรับรู้โรคบางชนิดที่เกิดขึ้นกับคนได้   

    ในต่างประเทศ "ซาร่า (Sarah)" ได้พา "ราล์ฟ(Ralph)" สุนัขของเธอออกไปเดินเล่น แต่ทว่ากลับพลัดหลงหายไป ทั้งเธอและสามีต่างออกตามหา ตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่พบจนทั้งคู่เริ่มถอดใจ

    ซาร่าและสามีจึงสร้างกลุ่มตามหาสุนัขขึ้นมา และขอความช่วยเหลือจากชาวเน็ตหากใครพบเจอให้รีบแจ้งเธอและสามีทันที แต่ทว่า 1วัน, 2 วัน, 3วัน... 5วันผ่านไป ก็ยังไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย

 " พวกเราเหมือนจะเป็นบ้า ในหัวของฉันคิดแต่เรื่องร้ายๆ มันจะเจอคนใจร้ายหรือเปล่า อากาศจะหนาวไหม ราล์ฟจะทนไหวหรือเปล่า "

    เวลาผ่านไปหลายวันแต่ข่าวก็ยังเงียบ จนซาร่าเริ่มถอดใจ แต่จู่ๆเจ้า เอ็ดดี้ (Edie) สุนัขที่เธอเลี้ยงไว้อีกตัวก็นำข่าวดีมาให้ "วันนั้นฉันและสามีพาเจ้าเอ็ดดี้ไปตามหาราล์ฟใกล้กับจุดที่ราล์ฟหายไป จู่ๆเอ็ดดี้ก็วิ่งไปที่บริเวณหนึ่ง ใช้จมูกดมและเริ่มใช้เท้าขุดดินอย่างบ้าคลั่ง"

那是一個150公分深的兔子洞，他們緊急地請求支援，小心翼翼地往下挖，居然發現一抹熟悉的身影，是小拉夫！「洞裡面就像迷宮一樣，牠被卡住了，我們花了兩個小時才救出來～」誰也沒想到，小拉夫居然奇蹟生還，這都要感謝「聞到姊姊氣味」的伊迪啊～

และก็ทำให้เขาประหลาดใจและดีใจในเวลาเดียวกัน เมื่อพบว่า ราล์ฟ ถูกฝังอยู่ในนั้น "มันติดอยู่ข้างในนั้น เราใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะช่วยราล์ฟออกมาได้ " เป็นสิ่งที่เธอและใครหลายๆคนไม่คาดคิดว่าจะเจอราล์ฟ ต้องขอบคุณเอ็ดดี้ ที่ใช้จมูกดมกลิ่นตามตัวราล์ฟจนเจอ 

    ทั้งนี้รายงานไม่ได้เผยว่าเหตุใดทำไมราล์ฟถึงไปติดอยู่ในนั้นได้ แต่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่ตามตัวราล์ฟจนเจอ นึกภาพไม่ออกเลยถ้าหากพวกเขาตามหาราล์ฟไม่เจอ ป่านนี้มันจะเป็นอย่างไร

แปลและเรียบเรียงโดย โลกของโฮ่ง 

ที่มา :  injurylawyernewportnews